ข่าว

ฝันให้ไกลไปให้ถึง "HUBกัญชา" ความหวังผู้ประกอบการถนนข้าวสาร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผู้ประกอบการถนนข้าวสาร ชี้เหตุที่เจ้าหน้าที่กวาดล้างการขายกัญชาไม่กระทบต่อการท่องเที่ยว พร้อมฝันไกลในอนาคต ต้องเป็น "HUBกัญชา"ของประเทศ

"กัญชาเสรี" ความฝันที่ใกล้เป็นจริงของสาวกสายเขียว หรือผู้ที่ชื่นชอบกัญชา เหลือเพียงรอรอกฎหมายลูกที่กำลังร่างว่าจะออกมาในทิศทางไหนเท่านั้น  แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหันไปทางไหนก็จะเจอแต่กัญชาอยู่รอบตัว เพราะมันกลายเป็นส่วนผสมหลักอยู่ในสินค้าที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม ขนม  อาหาร เครื่องสำอางค์ กัญชารักษาทางการแพทย์  และอื่นๆอีกมากมาย ยังไม่นับรวมที่มีการวางขายกันอย่างเสรีตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ ตามห้างร้าน สถานบันเทิง บางจุดคนต่อแถวยาวเพื่อรอซื้อเหมือนแจกฟรี  หลังจากที่รัฐบาลปลอล็อกกัญชา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา จนกลายเป็นกระแสกัญชาฟีเวอร์อยู่ในตอนนี้  

ฝันให้ไกลไปให้ถึง  "HUBกัญชา" ความหวังผู้ประกอบการถนนข้าวสาร


สถานบันเทิงย่านราชดำเนิน เป็นอีกหนึ่งจุดที่พบการขายกัญชามากที่สุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีทั้งแบบพันลำและช่อดอกอบแห้ง วางขายบนทางและจุดต่างๆ กันเกือบตลอดถนน
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนี้ กำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นกับพ่อค้าแม่ค้าที่หวังมาขุด "ทองคำเขียว" หรือกัญชา  เพราะล่าสุดได้มีการกวาดล้างและตรวจสอบว่ากลุ่มพ่อค้าเหล่านี้ได้ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่เป็นคนที่ชื่นชอบการดูดกัญชาแล้วผันตัวมาเป็นผู้ขายเพราะผู้ถือกฎหมายได้ปลดล็อกให้เรียบร้อยแล้ว และจากการตรวจสอบก็เป็นไปตามคาดเพราะส่วนใหญ่ไม่มีใบอณุญาตหาบแร่แผงลอย กัญชาที่พบก็ไม่มีใบรับรองถึงแหล่งที่มา ส่วนการขายกัญชาแบบพันลำนั้น ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการหาบเร่แผงลอย ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่ร่วมพิจารณา ทั้ง กทม. กลุ่มผู้ค้า ตำรวจ และตัวแทนประชาคม ที่ต้องพิจารณาร่วมกัน   แต่เบื้องต้นนายวสันต์ บุญหมื่นไวย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพระนคร ระบุว่า หากมีการมาขออนุญาตจริง ในฐานะที่เป็นหนึ่งในขณะกรรมาธิการ คงไม่มีการอนุญาตให้มีการขายแน่นอน เพราะอยู่ใกล้พื้นที่โรงเรียนและวัดด้วย 

ฝันให้ไกลไปให้ถึง  "HUBกัญชา" ความหวังผู้ประกอบการถนนข้าวสาร

ทีมข่าวคมชัดลึกออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร และได้รับคำยืนยันว่า "การจำหน่ายกัญชา "ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย" แต่การมวนขายแบบบุหรี่ หรือที่เรียกว่า พันลำนั้น ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เพราะผิดเงื่อนไข ส่วนพ่อค้าแม่ค้าที่มาขายนั้นเป็นหน้าใหม่ ไม่ใช้ผู้ค้าเดิมที่มีใบอนุญาตหาบเร่แผงลอยอย่างถูกต้อง ตลอดจนกัญชานั้น ต้องมาจากแหล่งที่มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทอย่างถุกต้องจากกรมทะเบียนการค้า เพื่อเป็นการตรวจสอบคุณภาพเบื้องต้นไปในตัว  ไม่ใช่ว่าปลูกแล้วนำมาจำหน่ายเองได้เลยตามที่หลายคนเข้าใจกันอยู่ในขณะนี้   ซึ่งตอนนี้กำลังจะมีการหารือกับทาง ผ.อ.เขตพระนคร และตำรวจ สน.ชนะสงคราม ถึงมาตรการควบคุมในอนาคต ว่าจะไปในทิศทางไหน แต่เบื้องต้นหลังจากนี้ ก็จะมีเจ้าที่ เข้าไปตรวจสอบและจัดระเบียบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก  "

ฝันให้ไกลไปให้ถึง  "HUBกัญชา" ความหวังผู้ประกอบการถนนข้าวสาร

ฝันให้ไกลไปให้ถึง  "HUBกัญชา" ความหวังผู้ประกอบการถนนข้าวสาร

 

ที่ผ่านมาดูเหมือนว่ากลุ่มผู้ประกอบการ เห็นด้วยกับการ "ปลดล็อกกัญชา" และพยายามผลักดันเรื่องนี้มาตลอด โดยนายสง่า ให้เหตุผลว่า "ในอนาคตผู้ประกอบการบนถนนข้าวสาร จะร่วมมือกันทำให้สถานบันเทิงย่านนี้กลายเป็น"HUBกัญชา" ของประเทศไทย ที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ   เป็นที่แรกที่สาวกสายเขียว ทั่วโลก หากมาประเทศไทยและต้องการดูดกัญชาหรือซื้อหาผลิตภัณฑ์ต่างๆต้องนึกถึงถนนข้าวสารเป็นที่แรก และสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อแนวคิดนี้อย่างแน่นอน แต่ในรายละเอียดเชิงลึกต้องรอให้"กฎหมายลูกกัญชาเสรี"ออกมาเสียก่อน ว่าในตัวกฎหมายจะสามารถทำอะไรได้บ้างก่อนที่จะลงลึกไปในรายละเอียด แต่เบื้องต้น HUBกัญชา เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่าจริงจัง เพราะสิ่งนี้จะสร้างเม็ดเงินให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมหาศาล เพราะที่ผ่านมาเรื่องนี้ชาวต่างชาติต่างก็ให้ความสนใจที่ประเทศไทยมีการเปิดกัญชาเสรี  " 

มาทำความรู้จักกับ "HUB กัญชา" ในรูปแบบที่นายสง่า พูดถึงกันบ้าง เบื้องต้น  มีลักษณะคล้ายกับร้านค้าสโตร์ขนาดใหญ่ โดยภายในร้านจะรวบรวมกัญชา หลากหลายสายพันธุ์จากแหล่งต่างๆทั้งในไทยและต่างประเทศ มาไว้ที่นี่ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าไปเลือกซื้อได้ตามความต้องการ  แต่ก่อนจะถึงขั้นตอนนี้  ต้องมีการลงทะเบียนผ่านแอพลิเคชั่น เพื่อบันทึกการซื้อ-ขาย รวมถึงรายละเอียดต่างๆทั้งก่อนและหลังเข้ามาในร้าน อีกทั้งยังเป็นการคัดกรองคุณภาพสินค้า ที่การันตีได้ถึงความปลอดภัย ความสะอาดและมาตรฐานการผลิต อีกด้วย  นอกจากนี้ "HUB กัญชา" ยังเป็นสถานที่ให้ความรู้แก่คนไทย เพราะภายในจะมีกัญชาหลากหลายสายพันธุ์ที่มาจากทั่วโลก รวมไปขั้นตอนการผลิต วิธีการปลูก พูดกันอย่างง่ายๆก็คือ จะได้เรียนรู้ตั้งต้นน้ำยังปลายน้ำ  


นอกจากนี้ในอนาคต ทางสมาคมก็อยากจะผลักดัน ให้สามารถดูดกัญชาแบบสันทนาการได้ เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ เป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวที่ซบเซามานานจากสถานการณ์โควิด-19 โดยทำเป็นรูปแบบ "ซิกก้า บาร์" คือมีการจัดสถานที่ดูดกัญชาแบบสันทนาการอย่างเหมาะสม ภายในมีการวางระบบดูดอากาศเพื่อควบคุมมลพิษที่เกิดขึ้น ซึ่งสิ่งนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้นั้น ภาครัฐต้องเข้าใจและส่วนสำคัญในการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง  ส่วนถนนข้าวสารในอนาคตก็จะมีการเปลี่ยนรูปแบบจาก " walking street"  เป็น "entertainment street" ที่เน้นธุรกิจสถานบันเทิงยามค่ำคืน โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นเป้าหมายหลัก เพราะที่ผ่านมาจะเน้นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่หลังจากมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้จากเดิม ถนนข้าวสารมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่าร้อยละ 70 แต่ปัจจุบัน ตัวเลขกลับกัน คือ รายได้หลักของถนนข้าวสารมาจากนักท่องเที่ยวชาวไทยโดยเฉพาะสถานบันเทิงยามค่ำคืนกว่าร้อยละ 70 


"HUB กัญชา" ถ้าเกิดขึ้นจริง และเป็นไปตามโมเดลที่ ทางสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร วาดฝันไว้ สิ่งนี้ก็คงมีบทบาทสำคัญในการช่วยภาครัฐหาเงินเข้าประเทศ เป็นการเพิ่มจุดดึงดูด เเละมีความหลากหลายในภาคการท่องเที่ยว  รวมไปถึงขยายฐานชาวต่างชาติที่เป็นสาวกสายเขียวโดยเฉพาะ  ส่วนรายได้นั้นจะมหาศาลตามที่หวังหรือไม่ คงต้องรอดูกันไปอีกยาว เพราะมีหลายปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบหลักโดยเฉพาะกฎหมายลูกที่ยังไม่คลอด   และที่สำคัญต้องรอให้สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกดีขึ้น  แต่สิ่งทีภาครัฐรวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรผลักดันและแก้ไข นั่นก็คือ การเร่งให้ความรู้กับภาคประชาชน เพื่อให้เข้าใจถึงจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการปลดล็อกกัญชา  ว่าเจตนารมณ์ที่แท้จริงคือเพื่อการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพ  รวมไปถึงช่องโหว่ของกฎหมายว่าด้วยการขายกัญชาแบบพันลำ ที่ยังไม่ระบุชี้ชัดว่าขายแบบเสรีได้หรือไม่ เพราะอำนาจโดยตรงในเรื่องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการหาบเร่แผงลอย เป็นหลัก ซึ่งมีหลายหน่วยงานทำงานบูรณาการร่วมกัน 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ