"องค์กรต้านคอรัปชั่น" เชื่อมั่นแนวทาง "ชัชชาติ" เชื่อ เป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงประเทศ หากทำสำเร็จอย่างที่ประกาศไว้
มานะ นิมิตรมงคลเลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นประเทศไทย โพสต์เฟสบุ๊คหัวข้อ เหตุเกิดที่ผู้ว่าชัชชาติ มีเนื้อหากล่าวถึงการทำงานของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.ว่า
เริ่มต้นได้ดีในการแสวงหาความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ ที่เป็นมืออาชีพเฉพาะทางอย่าง องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ทีดีอาร์ไอ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ใช้เทคโนโลยีมาช่วยอย่าง Open Data ทางเว็บไซด์ รับฟังเรื่องทุกข์ร้อนประชาชน ใช้ Traffy Fondue ถือเป็นการป้องกันปัญหาคอร์รัปชันเชิงรุก เป็นมิติใหม่ที่รัฐมนตรีหรือผู้นำในหน่วยงานรัฐทั่วไปยังไม่เคยแสดงออกเป็นรูปธรรมจริงจังมาก่อน ทั้งที่แผนการปฏิรูปประเทศด้านการต่อต้านคอร์รัปชันเขียนไว้ชัดเจน ก.พ.ร. ก็แนะนำอย่างนี้ มติ ครม. รองรับให้ทำได้ก็มีอยู่
เช่นเดียวกับแนวทางอื่นที่ประกาศไว้ เช่น ลดการรีดไถส่วยสินบนประชาชนและคนทำมาค้าขาย โดยเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนขึ้นง่ายขึ้น ลดคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยนำข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและสัญญาที่ทำกับเอกชนมาเปิดเผยทางเว็บไซท์ ลดคอร์รัปชันเชิงนโยบายและการบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยี่และข้อมูลทางวิชาการในการวางแผนและตัดสินใจทางนโยบาย ลดการเอื้อประโยชน์พวกพ้องพ้อง โดยทำให้บริษัทกรุงเทพธนาคมหน่วยงานแสนล้านของ กทม. สิ้นสุดยุคอึมครึม เป็นต้น
การปราบคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาใหญ่อย่างนี้ถ้าผู้นำจริงใจก็มีหวัง แต่ทั้งหมดผู้ว่าชัชชาติทำคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ทุกระดับจึงจะขยับขับเคลื่อนได้ ดังนั้นการจะรู้ว่าเขาสร้างภาพหรือจริงใจคงต้องใช้เวลาสักระยะ แต่ประชาชนจะนั่งดูเอาใจช่วยอย่างเดียวคงไม่ได้ ใครที่รู้ปัญหา เคยเจอเรื่องทุกข์ใจ โดนรีดไถมาเอง และใครก็ตามที่อยากเห็น กทม. เจริญขึ้น สูงขึ้น จะต้องออกมาช่วยคิดช่วยทำ หรืออย่างน้อยก็ต้องส่งเสียงสนับสนุนเรื่องที่ถูกต้องหรือติติงเรื่องไม่เหมาะสมเพื่อประโยชน์ของพวกเราเอง
ใครมาเป็นผู้บริหารต้องเอาชนะจุดนี้ ต้องเอาชนะใจและสร้างความเชื่อมั่นจนเกิดความร่วมมือร่วมใจจากทุกคน อย่าลืมว่ามนุษย์ทุกคนล้วนอยากทำสิ่งดีๆ เพื่อส่วนรวมเมื่อมีโอกาสและสิ่งแวดล้อมเป็นใจ ข้าราชการ กทม. ก็เช่นกัน ..ผมมั่นใจล่าสุดที่ผู้ว่าชัชชาติกล่าวว่า ยินดีที่จะดูแลทุกคนให้เหมือนคนในครอบครัว ยกเว้นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน คำพูดนี้หากใจแข็งทำได้จริงคนจะกล้าทำผิดน้อยลง
เลขาธิการองค์กรต้านคอรัปชั่นมองว่าจะพัฒนาบ้านเมืองต้องควบคุมคอร์รัปชันให้ได้ จะเอาชนะคอร์รัปชันทุกคนต้องร่วมมือกันไม่โยนภาระให้ใคร การจะทำอะไรกจำต้องมองชีวิตจริงว่า เราไม่สามารถหักหาญกับคนจำนวนมากได้ จึงไม่ควรเริ่มต้นด้วยอำนาจและกฎหมาย ผู้นำต้องใส่ใจทำต่อเนื่องและเป็นแบบอย่างที่ดี สร้างเครื่องมือและวิธีการทำงานใหม่ๆ ที่คนยอมรับนำไปครอบวิธีทำงานแบบเดิมที่เป็นปัญหาแล้วเดินไปด้วยกัน โดยเน้นที่ความโปร่งใส เอาส่วนรวมเป็นเป้าหมาย ทำได้อย่างนี้ปราบคอร์รัปชันได้แน่นอน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจะเป็นบทพิสูจน์ว่า ต่อต้านคอร์รัปชัน คือจุดเปลี่ยน กทม.ที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้ดีขึ้นต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง