ข่าว

สาวร้อง บช.น. ถูก "ตำรวจ" หลอกคบ สูญเงินนับล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แม่ค้าย่านหลักสอง หอบหลักฐานการโอนเงิน-ตั๋วจำนำ รวมกว่า 1 ล้านบาท ที่โอนให้กับ "ตำรวจ" จราจร ยศ สิบตำรวจโท สน.หลักสอง ขอยืมอ้างนำไปใช้หนี้พนันออนไลน์ และไม่ยอมใช้คืน ร้องเรียนหลายที่แล้วยังไม่คืบหน้า

  
  นางสาวเอ (นามสมมุติ) แม่ค้าย่านหลักสอง เดินทาง พร้อมเอกสารสลิปการโอนเงินกว่า 300 ครั้ง ตั๋วจำนำเครื่องเพชร เครื่องทอง มูลค่ารวมกว่า 3 แสนบาท และเอกสารการสนทนาทางไลน์กับ"ตำรวจ" ยศสิบตำรวจโท งานจราจร ของ สน.หลักสอง  นายหนึ่ง  มาทำการเดินเรื่องและติดตามการร้องทุกข์หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการเดินทางร้องกับหน่วยงานต้นสังกัดหลายหน่วยงานทั้ง สน.และกองบังคับการ รวมถึงจเรตำรวจ แต่กลับได้รับเป็นโทษวินัยไม่ร้ายแรง และ ยังไม่ได้รับการชดใช้เกี่ยวกับทรัพย์สินตนเองต้องถูกนำไปใช้หนี้แทน นาย"ตำรวจ" คนดังกล่าว มูลค่ารวมกันแล้วกว่า 1 ล้านบาท

 รู้สึกไม่เป็นธรรมเมื่อมาเจอสื่อมวลชนที่อยู่ระหว่างการเฝ้ารอการทำข่าวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลจึงนำหลักฐานเข้าปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือ


   ผู้เสียหาย ระบุว่า รู้จักกับตำรวจนายนี้เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 เนื่องจากจอดรถขายของอยู่ย่านหลักสอง จึงถูกล๊อคล้อรถยนต์ จากนั้นตำรวจนายนี้ได้เข้ามาตีสนิท ก่อนที่จะคบหากันและขอยืมเงินโดยอ้างว่าจะนำไปใช้หนี้พนันออนไลน์ ด้วยความเชื่อใจว่าเป็นตำรวจ จึงโอนเงินไปให้ครั้งละ 3,000 บาท ถึงหลักหมื่นบาท และนายตำรวจคนดังกล่าวได้มาขอยืมอยู่ตลอด รวมจำนวนการโอนประมาณ 2-300 ครั้ง  จนตนเองขาดสภาพคล่องด้านการเงิน จึงต้องนำเครื่องเพชร เครื่องทอง ไปจำนำ 13 ครั้ง โดยแต่ละครั้งตำรวจนายนี้จะเป็นคนเข้าไปจำนำ และนำตั๋วจำนำคืนมาให้ ก่อนที่จะเอาเงินไป 

   กระทั่งเมื่อปีที่แล้วได้ทวงถามขอเงินคืน เพราะต้องการนำเงินไปจ่ายค่าเทอมให้กับลูก แต่ก็ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด อีกทั้งที่ผ่านมาก็เห็นพฤติกรรมของตำรวจนายนี้เสพยาเสพติด ซึ่งตนเองเคยเห็นทั้งอุปกรณ์การเสพอยู่ในห้อง แต่ไม่มีภาพหลักฐานการเสพของตำรวจนายนี้ เพราะไม่กล้าถ่ายเก็บเอาไว้  

 


ติดตามกระแสโซเชี่ยลเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/komchadluek/

นอกจากนั้น ตำรวจนายนี้ยังเคยให้โอนเงินจากบัญชีตัวเองไปให้กับเพื่อนตำรวจในสน.อีก 5 คน ครั้งละหลักพัน ถึงหลักหมื่นบาท โดยอ้างว่าเป็นส่วนแบ่งจากการล็อคล้อรถ และใช้หนี้ที่ติดไว้ แต่ก็ไม่มีการคืนเงินจำนวนดังกล่าวซึ่งรวมกันแล้วมีมูลค่าหลาย 10,000 บาท

  จนเมื่อปลายปี 2564 ได้มีการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเข้าร้องทุกข์เพื่อขอความช่วยเหลือ กับผู้บังคับบัญชาของกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมทั้งจเรตำรวจแห่งชาติ แต่หน่วยบังคับบัญชา ได้ลงความเห็นว่าเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนไปตามระเบียบแล้ว และยังเห็นว่าตำรวจนายนี้ยังคงออกมาปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามปกติ ส่วนเงินที่ยืมไปก็ยังไม่ได้คืนแม้แต่บาทเดียว 

   รวมถึงตนเองยังเคยได้รับหนังสือตอบกลับจากทางผู้บังคับบัญชา ของนายตำรวจรายนี้ว่าผลการรับความผิดของนายตำรวจดังกล่าวมีการระบุชัดเจนว่ามีการเล่นการพนันออนไลน์และเสพยาไอซ์ แต่ก็ยังสามารถกลับมาปฎิบัติหน้าที่ได้ 
   
    นอกจากนั้นยังมีหลักฐานว่าตำรวจนายนี้ได้นำรถบรรทุกมาขนของใช้ที่อยู่ในบ้านบางส่วนไปตกแต่งที่บ้านของตัวเองในจังหวัดสกลนคร โดยอ้างว่าเป็นการซื้อขาย แต่ไม่มีการทำสัญยา หรือจ่ายเงิน และมีชีวิตที่สุขสบาย ซึ่งก็ต่างกับตัวเองที่ต้องมาแบกรับหนี้สินของที่ตำรวจนายนี้ได้ทำเอาไว้ และอยากขอให้ออกมารับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง และอยากให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษตำรวจนายนี้ ที่มีหลักฐานพบว่ากระทำผิดดังกล่าว 

 

ติดตามข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม: https://www.komchadluek.net/

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ