เปิดตำนานหลอน ป่าช้าวัดดอน สถานที่เฮี้ยนในอดีต

เรียกได้ว่าสร้างเสียงฮือฮาอย่างมาก สำหรับการจัดงานดนตรีในสวน ที่จะมีขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ วันที่ 26 มิถุนายนที่จะถึง โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประกาศว่าจะใช้สถานที่ป่าช้าวัดดอน ในการจัดกิจกรรมดังกล่าว

สำหรับ สุสานแต้จิ๋ว หรือที่รู้จักกันในชื่อ สุสานวัดดอน หรือ ป่าช้าวัดดอน เป็นสุสานจีนเก่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตชั้นในกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ประมาณ 85 ไร่ ได้ใช้งานขึ้นในปี พ.ศ. 2442 หรือประมาณปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่บนถนนจันทร์บริเวณซอยวัดปรก 1 ถนนจันทร์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ

ในอดีตนั้นพื้นที่ที่ถูกทำเป็นสุสานจะเรียกกันว่าทุ่งวัดดอนซึ่งยาวจากป่าช้าวัดดอนไปจนถึงโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ในปัจจุบัน มีการระบุการเอาไว้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ฝังศพที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่ได้มีแต่เพียงศพไร้ญาติแต่ต้องเรียกว่ามีทุกๆสารพัดศพ ผู้ดูแลประชาวัดดอนหรือในปัจจุบันที่เรียกว่าวัดบรมสถล ได้เคยระบุไว้คร่าวๆว่านับตั้งแต่มีการใช้พื้นที่ป่าช้าวัดดอนจนถึงการล้างป่าช้านั้นมีศพที่เคยผ่านป่าช้าแห่งนี้นับแสนศพ

และแน่นอนเมื่อมีป่าช้าก็ย่อมต้องมีเรื่องราวอาถรรพ์เร้นลับมีเรื่องเล่าขานบอกต่อกันว่าในสมัยก่อนนั้นตลอดแนวถนนทั้งสองฝั่งที่ยังมีสุสานมีป่าช้าตลอดแนวถนนรถแท็กซี่รถสามล้อสมัยก่อนเมื่อต้องขับผ่านบริเวณป่าช้าเข้ามาในวัด เมื่อระบุพิกัดในการมาส่งว่า ให้มาส่งที่วัดดอน ไม่มีใครที่อยากจะมา

หนึ่งในเรื่องราวของวิญญาณที่ถูกกล่าวถึงเกี่ยวกับป่าช้าวัดดอนนั่นก็คือเรื่องผีใต้ท้องกลม สามีภรรยาคู่หนึ่งฝ่ายภรรยาจับได้ว่าสามีของตนนั้นไปมีภรรยาน้อย แล้วยังตั้งครรภ์ฝ่ายพัฒนาหลวงจึงจัดการฆ่าภรรยาน้อย วิญญาณของภรรยาน้อยก็ได้ไปเข้าฝันพระในวัดดอน บอกให้ไปตามหาศพของตนที่โรงพยาบาลตำรวจ บ่ได้ไปตรวจสอบก็พบว่ามีศพภรรยาน้อยจริงๆจึงได้นำร่างไร้วิญญาณนั้นมาฝังไว้ที่ในป่าช้าหลังจากนั้นผู้คนต่างพบเห็นว่าในช่วงเวลาตี 3 มักจะเห็นหญิงสาวอุ้มลูก ตาแดง ยืนอยู่ในป่าช้าแล้วก็หายไปต่อหน้าต่อตา

และยิ่งมีการนำศพผีตายโหงจำนวนมาก มารวมกันไว้ ยิ่งทำให้ความน่ากลัวของป่าช้าวัดดอน กลายเป็นเรื่องเล่าระดับตำนาน แต่ในปัจจุบัน นับตั้งแต่มีการล้างป่าช้าหลายต่อหลายครั้ง ปละการขยายตัวของเมือง ทำให้สภาพความน่ากลัวของป่าช้าวัดดอนค่อยเลือนหายไป เหลือเพียงสวนสาธารณะ จากการใช้ประโยชน์พื้นที่ร่วมกัน ในช่วงเช้ามืดจะมีผู้คนมาออกกำลังกายกัน แทนคงามวังเวงที่เคยมีมา.