ข่าว

ล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในกัมพูชา หลอกลงทุนผ่านแอปหาคู่ เสียหายหลายล้านบาท

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รอง ผบ.ตร. เปิดปฏิบัติการล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในกัมพูชา หลอกลวงให้ลงทุนผ่านแอปหาคู่ มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท

 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เปิดเผยกรณีส่งชุดปฏิบัติการ PCT ประสานความร่วมมือตำรวจกัมพูชา เข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 21 ราย เตรียมเดินทางไปรับตัวและสอบปากคำด้วยตนเองที่ จ.สระแก้ว สัปดาห์หน้า
  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้เร่งปราบปราม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนัก และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงอยู่ตลอดเวลา ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่ตั้งออฟฟิศอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านทำให้เป็นอุปสรรคในการสืบสวน ติดตาม จับกุมตัวมาดำเนินคดี 
         แก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้ มีแผนประทุษกรรมใช้รูปบุคคลหน้าตาดี แชทกับเหยื่อผ่านแอปพลิเคชั่น Tinder ซึ่งเป็นแอปหาคู่ หรือ แอป LINE จากนั้นจะหลอกพูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจหรือเริ่มหลงรัก คนร้ายก็จะชวนให้ร่วมลงทุนใน MetaTrader 5 (ฟอเร็กซ์) หรือซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยจะให้ทำการเทรด การวิเคราะห์ทางเทคนิค ตามคำแนะนำ และชักชวนให้ลงทุนกับโบรกเกอร์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกให้ลงเงินแต่ไม่มีการลงทุนจริง แล้วเอาทรัพย์สินนั้นไป 

 คดีนี้ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการที่ 5 PCT พร้อมกำลังตำรวจ PCT รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาล และเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อประสานขอความร่วมมือในการเข้าปฏิบัติการครั้งนี้

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.65 เวลาประมาณ 12.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ฯ​ พร้อมกำลังตำรวจ PCT ได้สนธิกำลังกับ พล.ต.ท.วัน วีระ (VANNVIRAK SAM) ผู้ช่วย ผบ.ตร. กัมพูชา, พล.ต.จัตวา บุต พิน (BUT Pinh) หัวหน้าชุดข่าวกรองฯ หรือ อัยการจังหวัดพนมเปญ พร้อมกำลังตำรวจภูธรจังหวัดพระสีหนุ เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นทลายออฟฟิศแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 แห่ง ในจังหวัดพระสีหนุ ดังนี้
• จุดที่ 1 โรงแรมจิงเฉิง ถ.สองธนู 
• จุดที่ 2 คาสิโนโป๋ไหล ถนนปุโลไว 300  

 ผลการตรวจค้น พบผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ทั้งหมด 21 คน ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นซ่องโจร มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงิน”  จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาจึงได้ควบคุมตัวไปดำเนินการตามกฎหมายของประเทศกัมพูชาและเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วจะส่งตัวให้ประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะภายในสัปดาห์หน้า และตนจะเดินทางไปสอบปากคำด้วยตนเองทันทีที่ผู้ต้องหาเดินทางกลับถึงประเทศไทย ที่ อ.คลองลึก จ.สระแก้ว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว 
       การปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการอย่างเร่งด่วนและจริงจัง เนื่องจากสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศ ทั้งนี้หากพบเบาะ สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน สอท.1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-8663000 หรือ ผู้เสียหายสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliconline.com

logoline