ข่าว

"ทหาร" เลี้ยงกบ จัดการพื้นที่ว่าง ให้มาเป็นพื้นที่สร้างรายได้ดูแลครอบครัว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทุกครั้งที่มาเลี้ยงอาหารจะเปิดเพลงให้กบฟัง ในช่วงกินอาหารด้วยทุกครั้ง เพราะเชื่อว่าจะช่วยทำให้กบอารมณ์ดี บางตัวก็หันหน้ามาที่เสียงเพลง ทำให้กินอาหารได้มาก ตัวโตเร็ว

วันที่ 21 มิ.ย.65 ที่จังหวัดพิษณุโลก ทหารนายหนึ่ง เปลี่ยนพื้นที่ว่างมาเลี้ยงกบอารมณ์ดี ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ฟาร์มกบ ภายในค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ กองทัพภาคที่ 3 ซึ่งมีร้อยโทสุรศักดิ์ พลธรรม อายุ 59 ปี สารวัตรทหาร มณฑลทหารบกที่ 39 พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 เป็นผู้ดูแลเลี้ยงกบดังกล่าว น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ 
 

"ทหาร" เลี้ยงกบ จัดการพื้นที่ว่าง ให้มาเป็นพื้นที่สร้างรายได้ดูแลครอบครัว

 

ร้อยโทสุรศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนเองและครอบครัวพักอยู่ในบ้านพักทหารมณฑลทหารบกที่ 39 พิษณุโลก ในค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมืองพิษณุโลก โดยเลี้ยงกบมากว่า 15 ปี แล้ว สำหรับจุดเริ่มต้นการเลี้ยงกบ เป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว

 

โดยใช้พื้นที่ข้างบ้านพักขุดเป็นบ่อน้ำชำ และเป็นแหล่งทิ้งขยะ จึงปรึกษาขอนายทหารของใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าว หลังจากได้รับอนุญาต จึงเก็บขยะกองมหึมาข้างบ้านออกไปทิ้ง แล้วปรับพื้นที่ ถมทรายทำเป็นบ่อไว้เลี้ยงกบ ช่วงแรก ๆ ทดลองเลี้ยงก่อน 2,000 ตัวปรากฏว่า กบขยายพันธุ์เร็วมากไป จึงขายไม่ทัน ทำให้ขาดทุนไป 1 รอบ  

 

จากนั้นจึงได้ปรับแผนการเลี้ยงใหม่ ด้วยการนำกบพันธุ์บลูฟร็อกผสมจาน ซึ่งเป็นกบพันธุ์ลูกผสม มาเลี้ยงไว้ ลักษณะตัวกบจะใหญ่และยาว ส่วนใหญ่จะขายดี มีคนรับประทานเยอะ จึงได้นำมาเลี้ยงไว้บ่อจำนวน 4 บ่อ โดยให้อาหาร 2 เวลา คือ เช้า-เย็น

 

และทุกครั้งที่มาเลี้ยงอาหารจะเปิดเพลงให้กบฟัง ในช่วงกินอาหารด้วยทุกครั้ง เพราะเชื่อว่าจะช่วยทำให้กบอารมณ์ดี และให้เกิดความรู้สึกเจ้าของมาอยู่ใกล้ๆ บางตัวก็หันหน้ามาที่เสียงเพลง ทำให้กินอาหารได้มาก ตัวโตเร็ว

 

"ทหาร" เลี้ยงกบ จัดการพื้นที่ว่าง ให้มาเป็นพื้นที่สร้างรายได้ดูแลครอบครัว
 

"ทหาร" เลี้ยงกบ จัดการพื้นที่ว่าง ให้มาเป็นพื้นที่สร้างรายได้ดูแลครอบครัว

 

ร้อยโทสุรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ กบที่เลี้ยงไว้ อายุประมาณ 6 เดือน เกือบแสนตัว และขนาด 2 เดือนครึ่ง เกือบ 7 หมื่นตัว มีน้ำหนักเฉลี่ยตัวละ 3 ขีด ถึงครึ่งกิโลกรัม เวลานี้มีร้านอาหาร ทหารในค่าย และพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป ติดต่อมาขอซื้อกบไปขายและทำอาหารให้ลูกค้า

 

และที่ผ่านมากบขาดตลาด ประกอบกับหัวอาหารกบแพง ทำให้กบมีราคาแพงขึ้นตาม กิโลกรัมละ 150 บาท แต่ทางทางฟาร์มของตนเอง ยังขายส่งแค่เพียงราคากิโลกรัมละ 80 บาทเท่านั้น ทำให้พ่อค้าแม่ค้า มารับถึงบ่อเลยทีเดียว ซึ่งการเลี้ยงกบของตนเองนั้นถือว่าดีมาก สร้างรายได้ให้กับครอบครัวของตนเอง วันละ 2-3 พันบาท อย่างไม่ได้อะไรเลย ก็มีเงินจากการขายกบไม่ต่ำกว่า  500 บาท ประกอบพื้นที่รอบๆ บ่อกบ ก็ปลูกผักสวนครัว เพื่อไว้บริโภคในครัวเรือน ลดค่าใช้จ่ายในยุคข้าวของแพงอีกด้วย

 

อนาคตอีก 4-5 เดือน ตนเองก็จะเกษียณอายุราชการ ก็จะย้ายไปอยู่จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นบ้านเกิด ก็จะไปยึดอาชีพเลี้ยงกบเช่นเดิม และจะปรับให้เป็นฟาร์มเลี้ยงกบให้ใหญ่และมีลักษณะคอนโดกบเต็มรูปแบบ ซึ่งหากใครที่สนใจต้องการศึกษา เกี่ยวกับกับเลี้ยงกบ ก็ยินให้คำแนะนำ หรือ ต้องการซื้อกบนำไปรับประทาน ก็สามารถติดต่อได้ที่ 099-2979505 , 099-2979515 หรือ 093-6515992

 

"ทหาร" เลี้ยงกบ จัดการพื้นที่ว่าง ให้มาเป็นพื้นที่สร้างรายได้ดูแลครอบครัว

 

กรรณิการ์  สิงหะ  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.พิษณุโลก 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ