ข่าว

"ชัชชาติ" อยากให้ "คลองเตย" เป็นต้นแบบการแก้ปัญหากทม.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ผู้ว่าฯกทม." เลือกสัญจรทุกวันอาทิตย์ เพราะอยากเจอประชาชน ประเดิมเขต "คลองเตย" ต้องการให้เป็นต้นแบบแก้ปัญหากทม.

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยภายหลังเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้บริหารจัดการขยะครบวงจร  เขตคลองเตย ว่า เป็นครั้งแรกของตรวจเยี่ยมการทำงานของสำนักงานเขตในรูปแบบการสัญจร ตั้งใจมาเยี่ยมผู้ร่วมงานว่ามีความเป็นอยู่เป็นอย่างไร เขตมีปัญหาอะไร ต้องการความช่วยเหลืออะไร ยุทธศาสตร์ของเขตติดปัญหาอะไร ต้องการให้ผู้ว่าฯ สนับสนุนด้านไหนบ้าง ซึ่งตนจะทำการสัญจรทุกวันอาทิตย์ โดยเริ่มต้นตั้งแต่เช้า หากมีเวลาจะไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะก่อน พูดคุยกันคนในสวน ปลูกต้นไม้ ดูกิจกรรมต่าง ๆ ดูปัญหาในพื้นที่

จากนั้นจะเข้ามาที่สำนักงานเขตเพื่อหารือเรื่องปัญหาเร่งด่วน อาทิ การจราจร รถติด น้ำท่วม ขยะ ชุมชน ปัญหาที่ประชาชนร้องเรียน และเรื่องต่างๆ ที่ค้างอยู่ จากนั้นช่วงบ่ายจะลงพื้นที่ชุมชนจุดที่มีปัญหา

 

"ชัชชาติ" อยากให้ "คลองเตย" เป็นต้นแบบการแก้ปัญหากทม.

“ที่สัญจรวันอาทิตย์เพราะไม่อยากรบกวนเวลาในวันปกติ ข้าราชการต้องบริการประชาชน และในวันอาทิตย์เวลาลงชุมชนประชาชนจะอยู่บ้าน หากลงพื้นที่วันธรรมดา ประชาชนไม่อยู่บ้าน ต้องไปทำงาน ก็จะไม่เจอใคร เขตคลองเตยรวมปัญหาหลาย ๆ เรื่องเข้าด้วยกัน เรามีชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุด ใน กทม. มีปัญหาขยะจากตลาดคลองเตย น้ำเสียคลองหัวลำโพง รถติดหน้าตลาด ห้าแยก ณ ระนอง ปัญหาคุณภาพโรงเรียนซึ่งอยู่ในชุมชนแออัด คือปัญหากรุงเทพมันเยอะแต่มันซ้ำกัน ถ้าทำให้สำเร็จหนึ่งเรื่อง จะขยายไปที่เขตอื่นได้ ดังนั้น คลองเตยเป็นต้นแบบ ถ้าเราทำคลองเตยให้สำเร็จ เอารูปแบบไปขยายผลที่อื่นได้ สามารถทำชุมชนแออัดให้ดี ชีวิตดี ลานกีฬามีคุณภาพ  น้ำเสียขยะในตลาดทำให้ดี ลดการก่อสร้างทำให้มีความรวดเร็วมากขึ้น สุดท้ายนำไปขยายผลได้ จริงๆ”

สำหรับปัญหาเรื่องใหม่ที่เจอเป็นเรื่องเด็กเช็ดกระจก ขายของสี่แยก ซึ่งสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้น จะเห็นเด็ก ๆ น้อง ๆ เยาวชน มาขายพวงมาลัยดอกไม้ มาเช็ดกระจกริมถนน ซึ่งได้รับการร้องเรียนมาค่อนข้างมากที่บริเวณแยกอโศก แยกคลองเตย ต้องคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกร่วมกัน ทั้งตำรวจ กทม. พม. คือเราไปจับเขาก็หนี จึงต้องมีระบบที่ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะสะท้อนปัญหาอื่น ๆ ด้วย เช่น ปัญหาคนไร้บ้าน ปัญหาเด็ก ซึ่งมีต้นตอมาจากปัญหาเศรษฐกิจ จึงต้องแก้ปัญหาที่ภาพรวม

 

“ห้ามบอกว่า เราไม่เกี่ยวข้อง ต้องบอกว่าเราจะเร่งประสานงานหน่วยงานอื่นให้ กทม. ต้องเกี่ยวข้องทุกเรื่อง  ขอให้ประชาชนใจเย็น ๆ เราพยายามทำให้ดีที่สุด ซึ่งเป็นรูปแบบที่เพิ่งเริ่มได้อาทิตย์เดียว แต่หวังว่าจะตอบโจทย์พวกเราได้ดีขึ้น และเน้นย้ำแนวปฏิบัติให้กับข้าราชการโดยเน้นความโปร่งใส ประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชน ดูแลประชาชนโดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง (people centric) หันหลังให้ผู้ว่าฯ หันหน้าให้ประชาชน โดยผู้ว่าฯ จะคอยเป็น Back up สนับสนุนทุกเรื่อง
 

ส่วนการรับเรื่องร้องเรียนผ่าน Taffy Fondue ขณะนี้มีประชาชนแจ้งมาประมาณ 20,000 กว่าเรื่อง แก้ไขไปได้ 3,000 กว่าเรื่อง ใน 20,000 มีบางเรื่องที่กทม. ทำโดยตรงไม่ได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น โดยเรื่องที่กทม. รับผิดชอบโดยตรงต้องรีบทำ อันไหนไม่ใช่ต้องรีบประสานหน่วยงาน  ในส่วนของเขตคลองเตยประชาชนแจ้งมา 900 กว่าเรื่อง รับไปแล้ว 600 กว่าเรื่อง แก้ไขเสร็จ 142 เรื่อง

 

“ถือว่าเป็นมิติที่ดี ในการเปลี่ยนการให้บริการแบบท่อที่ต้องสั่งการต่อๆ กัน มาเป็นการให้ประชาชนแจ้งปัญหาเข้าไปในแพลตฟอร์ม โดยผว.กทม.ไม่ต้องสั่ง เขตมารับเรื่องไปทำเลย ลดปัญหาได้เยอะ ถือว่าเป็นมิติใหม่และไม่ได้ใช้เงิน ประชาชนตรวจสอบได้ ประชาชนมีอำนาจมากขึ้น พลิกรูปแบบการให้บริการ หลายๆ คนชอบ บอกคนบอกว่าแจ้งเช้า บ่ายได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ก็มีบางคนบอกว่าแจ้งแล้วยังไม่แก้ เดี๋ยวเรามาดูว่าเขตมีปัญหาอะไร พยายามบอกคนทำงานว่าอย่าไปเครียด คือบางเขตเครียด ตอบสนองประชาชนได้ไม่ทันใจ ก็ค่อย ๆ แก้ไขปัญหากันไป”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ