ข่าว

เดินหน้า 7 แผนงาน "เพิ่มพื้นที่สีเขียว"-ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ธ.ก.ส. เดินหน้า 7 แผนงาน "เพิ่มพื้นที่สีเขียว" ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อนและสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิต ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ป่าในประเทศ 26 ล้านไร่

วันที่16 มิ.ย. 65 ที่วัดป่าธรรมวิสุทธิมงคล ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นายสมเกียรติ  กิมาวหา รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานใน "โครงการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก" เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา โดยมีเกษตรกรภาคีเครือข่าย คณะผู้บริหารและพนักงานในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรม  

 

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ธ.ก.ส. ได้น้อมนำแนวพระราชดำริ เรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง มาแก้ไขปัญหาวิกฤตสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างฉับพลัน ภาวะฝนแล้งหรือน้ำท่วม ก่อให้เกิดผลกระทบไปยังเกษตรกรทั้งความเสียหายด้านการผลิตและรายได้ที่ลดลง ผ่านการดำเนินโครงการธนาคารต้นไม้ ตั้งแต่ปี 2553 

      บริเวณวัดป่าธรรมวิสุทธิมงคล     

 

และปี 2561 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน "โครงการชุมชนไม้มีค่า" วางเป้าหมายภายใน 10 ปี ประเทศไทยจะมีชุมชนไม้มีค่า 20,000 ชุมชน พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น 26 ล้านไร่ และมีประชาชนเข้าร่วมโครงการ 2.6 ล้านครัวเรือน มุ่งหวังให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,040 ล้านบาท โดยประชาชนสามารถใช้ต้นไม้บนที่ดินของตนเองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับที่ดิน และต่อยอดไปสู่การประกอบอาชีพ ควบคู่กับการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม

       เพิ่มพื้นที่สีเขียว

 

ปัจจุบันมีชุมชนเข้าร่วมโครงการธนาคารต้นไม้กับ ธ.ก.ส. กว่า 6,838 ชุมชน มีสมาชิกธนาคารต้นไม้ 123,424 คน สามารถปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นบนพื้นที่ประเทศไทย 12,369,563 ต้น พร้อมวางเป้าหมายพัฒนาไปสู่ชุมชนไม้มี
ค่า เพื่อสร้างรายได้จากผลผลิตและกิจกรรมจากป่าไม้โดยมีแผนในการดำเนินงาน ดังนี้

1."แผนงานสร้างมูลค่าเพิ่มชุมชนไม้มีค่า" สนับสนุนชุมชนที่ดำเนินโครงการธนาคารต้นไม้กับ ธ.ก.ส.พัฒนาไปสู่ชุมชนไม้มีค่าจำนวน 321 ชุมชน มีการจัดทำกระบวนการเรียนรู้ร่วมกับภาคีเครือข่ายและปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ จากกิจกรรมและผลผลิตที่ได้จากไม้และป่าไม้ เช่น การเพาะกล้าไม้ การเผาถ่าน การทำน้ำส้มควันไม้ สมุนไพร การแปรรูปไม้เป็นเฟอร์นิเจอร์ และการรับจ้างปลูกต้นไม้ เป็นต้น คาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้ชุมชนกว่า 90 ล้านบาท 

 

2.แผนงานสร้างผู้ประเมินมูลค่าต้นไม้ธ.ก.ส.กับคณะวนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) จัดทำหลักสูตร สร้างผู้ประเมินมูลค่าต้นไม้ เพื่อให้ความรู้กับเกษตรกรในการตรวจวัดและประเมินมูลค่า ส่งเสริมการใช้ต้นไม้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ โดยผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรจะได้รับวุฒิบัตรจาก มก. จำนวน 430 ชุมชน จำแนกเป็นกรรมการและสมาชิกโครงการธนาคารต้นไม้ 976 คน พนักงาน ธ.ก.ส. 528 คน รวมผู้ผ่านการอบรมทั้งสิ้น 1,504 คน

 

3."แผนงานสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก" (Low Emission Support Scheme:LESS)และการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Offset) ธ.ก.ส. มุ่งสร้างการตระหนักรู้ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างสมดุลเชิงนิเวศด้วยการสนับสนุนชุมชน จำนวน 2,721,900 บาทให้กับธนาคารต้นไม้ที่ได้รับการรับรองปริมาณก๊าชเรือนกระจกจากองค์การบริหารจัดการก๊าชเรือนกระจก (อบก.) จำนวน 60 ชุมชน คิดเป็นปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บได้ 468,355 ตันคาร์บอน

 

นอกจากนี้ยังพัฒนาชุมชนธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่ และธนาคารต้นไม้บ้านแดง จังหวัดขอนแก่น ให้ขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย(Thailand Voluntary Emission Reduction Program :T-VER) ซึ่งถือเป็นการเตรียมพร้อมการพัฒนาไปสู่ระดับที่สามารถซื้อ – ขายคาร์บอนเครดิตและการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Offsetting)

 

4.แผนงานสนับสนุนชุมชนลดมลพิษ ผลจากการทำลายสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ทำให้เกิดมลพิษ ทั้งทางอากาศ ทางน้ำและทางดิน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของมนุษย์ ธ.ก.ส.ได้สนับสนุนชุมชนธนาคารต้นไม้ ในการดำเนินกิจกรรมลดมลพิษตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดโดยชุมชน เช่น กำหนดเกณฑ์จำนวนต้นไม้ ชนิดพันธุ์ไม้ พื้นที่ปลูก  การดูแลรักษา โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนงบประมาณให้ชุมชนที่เข้าร่วมกิจกรรม ชุมชนละ 4,000 บาท ซึ่งมีธนาคารต้นไม้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 24 ชุมชน 

 

5. แผนการใช้ต้นไม้เป็นหลักประกัน ธ.ก.ส. ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในการจดทะเบียนไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งผลการดำเนินงานมีเกษตรกรนำต้นไม้มาใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 3,096,499 บาท

 

6. แผนการจัดทำโครงการส่งเสริมการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สนับสนุนให้ชุมชนตระหนักถึงผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเตรียมการตั้งฐานการชดเชย การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Offsetting) ตั้งเป้าหมายในการเข้าร่วมโครงการ จำนวน 76 ชุมชนและมีชุมชนที่เข้าร่วมตั้งฐานแล้ว 9 ชุมชน

 

7. แผนการจัดทำ "โครงการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว" เพื่อลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งในปีนี้ดำเนินการปลูกป่าไปแล้วจำนวน 129,000 ต้น รวมถึงการดำเนินกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ ในครั้งนี้ พร้อมเป้าหมายดำเนินกิจกรรมดังกล่าวในพื้นที่อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง  

 

สมเกียรติ กล่าวว่า นอกจากแผนงานข้างต้น ธ.ก.ส. พร้อมเตรียมทุนสนับสนุนกิจกรรมในการปลูกต้นไม้และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการธนาคารต้นไม้และโครงการสินเชื่อรักษ์ป่าไม้ไทยยั่งยืนวงเงินรวมกว่า 20,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการลงทุน เป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพ การสนับสนุนการปลูกสวนป่า อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการปลูก ซึ่งปัจจุบัน ธ.ก.ส.ได้สนับสนุนสินเชื่อแก่เกษตรกรไปแล้ว จำนวน 7.47 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรลูกค้าที่ประสงค์จะใช้บริการสินเชื่อ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และ Call Center 02 555 0555 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ