ข่าว

"เฟด" ขึ้น อัตราดอกเบี้ย พุ่งพรวด แรงสุดในรอบ 28 ปี คาด คนตกงาน เพิ่มขึ้น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เฟด" ทำช็อกโลก ประกาศปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย พรวดเดียว 0.75% แรงสุดในรอบ 28 ปี นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ มี คนตกงาน เพิ่มขึ้น

(16 มิ.ย.2565) ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ 1.50-1.75% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่สุดรอบ 28 ปี นับตั้งแต่ปี 1994 พร้อมประกาศสงครามสู้เงินเฟ้อ เดือนหน้าอาจขึ้นอีก 0.75% และยังส่งสัญญาณว่าจะยังขึ้นดอกเบี้ยอีก จนเพิ่มความเสี่ยงว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยขึ้นอีกครั้ง

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า สาเหตุที่เฟด ปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าที่เคยส่งสัญญาณไว้ เนื่องจาก เงินเฟ้อร้อนแรงกว่าที่คาดไว้ จากสถานการณ์ช่วง 4-5 เดือนมานี้ รวมถึงจากศึกรัสเซีย-ยูเครน

 

“เราคิดว่าการใช้ยาแรงเป็นสิ่งที่รับประกันได้ในการประชุมครั้งนี้ เราจึงใช้วิธีนี้ ความผิดพลาดที่จะร้ายแรงที่สุดก็คือการไม่ฉุดเงินเฟ้อให้ลดลง”

 

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีขึ้นหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือน พ.ค. ทะยานไปถึง 8.6% เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 4 ทศวรรษ และลุกลามเศรษฐกิจภาคต่าง ๆ ไปไม่หยุด และไม่มีสัญญาณจะชะลอตัวลง

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา เฟดได้ทยอยปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) ซึ่งงบดุลดังกล่าวประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) โดยขณะนี้มีมูลค่ารวม 8.9 ล้านล้านดอลลาร์

เฟด แถลงปรับอัตราดอกเบี้ย
 

ด้าน นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นักเศรษฐศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ค ภายหลังจากผลประชุมเฟดออกมา ระบุว่า สุ้มเสียงและสำเนียงที่เปลี่ยนไป เมื่อคืนนี้ ฟังการแถลงข่าวของท่านประธานเฟด หลังออกผลประชุม อธิบายการขึ้นดอกเบี้ย แนวโน้มการดำเนินการในช่วงต่อไป และให้มุมมองต่าง ๆ ของคณะกรรมการ โดยรวมแล้วถือว่าเป็นไปตามคาด สุดท้าย ตลาดปรับตัวเหวี่ยงไม่มากนัก

 

  • Dow Jones +303.7 จุด หรือ +1%
  • Nasdaq +270.8 จุด หรือ +2.5%
  • US 2Y Bond -0.24%
  • US 10Y Bond -0.19%
  • USD index ลดลง -0.654 มาที่ 104.864
  • Bitcoin เท่า ๆ เดิม ก่อนที่ปรับดีขึ้นในช่วงเช้านี้

 

พูดง่าย ๆ แม้ว่าจะขึ้นแรงที่ 0.75% แต่ตลาดได้รับข่าวไปมากแล้ว และความจริงดูจากการปรับตัวของดอกเบี้ยพันธบัตรในตลาด ผลการประชุมที่ออกมา ใช้ยาแรงน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ประมาณ 0.25% ด้วยเหตุนี้ ตลาดหุ้นจึงดีขึ้นเล็กน้อย ค่าเงินสหรัฐอ่อนลงนิด แต่ที่น่าสนใจที่สุด ก็คือ สุ้มเสียงและสำเนียงต่าง ๆ ในการถามตอบกับนักข่าว 17 ข้อ หลังจากนั้น ด้านนักข่าว เข้มขึ้น รุนแรงขึ้น ถามกดดันมากขึ้น สีหน้าไม่ค่อยเชื่อถือมากขึ้น

 

ด้านท่านประธานเฟด ไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองพูด พูดหลบไปมา กว้าง ๆ ไม่ฟันธงเหมือนก่อนหน้า และโทษสิ่งอื่น ๆ ที่เฟดไม่สามารถควบคุมได้ ที่สำคัญที่สุด ท่าประธานเฟดสารภาพว่า "โอกาสหรือ Path to soft landing" ได้แคบลงและยากขึ้นมาก แต่บอกว่า เฟดจะพยายามให้ดีที่สุด แต่ทุกอย่างขึ้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในโลก ที่เฟดควบคุมไม่ได้ อาจจะมีสิ่งที่ทำให้โอกาส soft landing ดังกล่าว out of our hands กระทั่งในการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไป ก็ไม่กล้าฟันธงว่าจะเอาอะไร เหมือนครั้งก่อนที่กล้าพูดว่า "ไม่มี 0.75% และจะขึ้น 0.5% อีก 2-3 ครั้ง" ในรอบนี้บอกแบบ save ตนเองเพียงว่า "ครั้งหน้าอาจจะ 0.5% หรือ 0.75% ขึ้นกับข้อมูลที่ออกมา" แต่ท่านไม่คิดว่าการขึ้นครั้งละ 0.75% จะเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเป็นประจำ

 

 

ทั้งนี้ หากเราดูเร็ว ๆ จาก Dot Plot การที่ดอกเบี้ยจะไปจบที่ 3.4% ปีนี้ เมื่อนับจากระดับล่าสุดดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดที่ 1.5%-1.75% หมายความว่า เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยไปอีก 1.75% ในการประชุมที่เหลืออีก 4 ครั้ง โดยขึ้น 0.5% อีก 3 ครั้ง และจบลงด้วย 0.25% ตอนการประชุมงวดสุดท้ายของปี สำหรับ highlight จริง ๆ ที่ถูกถามถึง ก็คือ ตัวเลขการว่างงานที่เฟดประมาณการไว้ในภาพด้านล่างว่า ปีนี้ อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 3.7% ปีหน้า จะเพิ่มเป็น 3.9% ปีถัดไป จะเป็น 4.1% ทำให้นักข่าวหลายคนเจาะถามว่า "เฟดตั้งใจจะทำให้คนตกงานใช่ไหม" และเฟดจะทำให้เกิด Recession เพื่อควบคุมเงินเฟ้อใช่ไหม ซึ่งท่านก็ตอบว่า แม้คนจะตกงานเพิ่มขึ้น แต่ 4.1% ก็ถือว่าต่ำมากมาก เมื่อเทียบกับปกติของสหรัฐ ซึ่งตรงนี้ เมื่อไปดูข้อมูลประกอบจะพบว่า กรรมการบางคนคิดว่า จะมี คนตกงาน ปีหน้าอาจจะขึ้นไปสูงถึง 4.2-4.5% ด้วยซ้ำไป

สำหรับคำถามอื่น ๆ ที่ถามนั้น ขอตัดเอามาให้ฟังเป็นตัวอย่าง

- ครั้งที่แล้วท่านบอกว่าจะขึ้น 0.5% ในเดือนมิถุนายนและกรกฏาคม ทำไมจึงเปลี่ยนใจครั้งนี้
- ขึ้น 0.75% ดีกว่าขึ้น 0.5% อย่างไร และจะขึ้น 1.0% ในอนาคตหรือไม่
- ดอกเบี้ยที่เฟดจะขึ้นไปจนแตะ 3.8% ช่วงปีหน้า จะสูงพอที่จะเอาเงินเฟ้ออยู่หรือไม่ (ท่านประธานเฟดตอบว่า 3.5-4.0% น่าจะพอ และท่านก็บอกว่า เราจะรู้ว่าพอเปล่า เมื่อเราไปถึงจุดนั้น !!!)
- มีอะไรในข้อมูลเศรษฐกิจ และการคาดการเงินเฟ้อที่ต่างไปจากเดิม จนท่าต้องยอมเสียชื่อ และความมั่นใจของตลาด โดยกลับคำพูดว่าไม่มี 0.75%
และเมื่อถูกถามกดดันต่อว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในข้อมูลอีกรอบ ก็จะหมายความว่า ท่านอาจจะขึ้น 0.75% หรือ 1.0% ในการประชุมครั้งหน้า ซึ่งท่านประธานเฟดก็บอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ทุกอย่างจะขึ้นกับข้อมูล โดยไม่ฟันธงอะไรทั้งสิ้น
- ถ้าข้อมูลออกมาอีกด้าน ท่านจะลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ยได้ใช่หรือไม่ ซึ่งท่านก็บอกว่า เฟดจะดูจนกระทั่งเงินเฟ้อลดลงมา ต่อเนื่องหลายเดือน ก็จะถือว่า เริ่มได้ผล และจะคิดเรื่องการลดการขึ้นดอกเบี้ย และสุดท้ายเงินเฟ้อก็ต้องลงมา

 

โดยท่านประธานเฟดย้ำว่า "Worst mistake is to fail" ในการควบคุมเงินเฟ้อ หมายความว่า ต่อให้พลาดทำให้เศรษฐกิจถดถอยก็รับได้ นอกจากนี้ ท่านประธานเฟด เริ่มโทษสงครามรัสเซีย ยูเครน เริ่มโทษจีนที่ปิดเมือง เริ่มโทษสิ่งต่างๆ ราคาน้ำมัน ราคาอาหารที่ท่านไม่สามารถคุมได้ และกำลังทำให้ท่านอาจจะไม่สามารถ soft landing จากเดิมที่ท่านบอกว่า ท่านเอาเงินเฟ้ออยู่ และน่าจะ soft landing ได้สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ สีหน้า ท่าทางของท่านประธานเฟด เวลาตอบและสีหน้า ท่าทางของนักข่าว เวลาได้ยินคำตอบ !!!

 

 

 

ที่มา : Kobsak Pootrakool

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ