รมว.แรงงาน สั่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดูแลสิทธิประโยชน์ลูกจ้าง Shopee ที่ถูกเลิกจ้างทันที ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและประกันสังคม พบถูกเลิกจ้างกว่า 300 รายแล้ว
หลังจากที่ กลุ่มบริษัท Sea Group ผู้ดำเนินการแพลตฟอร์มขายออนไลน์ชื่อดัง "Shopee" จะเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบต่อพนักงานในบริษัทหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย ที่ล่าสุดมีรายงานว่า มีพนักงานของ Shopee ออกมาพูดแล้วว่าโดนปลดแบบฟ้าผ่า
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้าตรวจสอบหาข้อเท็จจริงทันที ซึ่งจากการสอบถามบริษัทฯ แจ้งว่า มีเลิกจ้างลูกจ้างในเครือShopee ที่อยู่ในประเทศไทยจริง โดยเป็นการเลิกจ้างลูกจ้าง จำนวน 300 ราย ซึ่งเป็นลูกจ้างที่อยู่ในสังกัด 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ช้อปปี้เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ช้อปปี้ฟู้ด จำกัด โดยบริษัทฯได้เรียกลูกจ้างเข้ามาพบเป็นรายบุคคลเพื่อแจ้งการเลิกจ้าง และให้การเลิกจ้างมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งการเลิกจ้างดังกล่าว บริษัทยืนยันว่าจะจ่ายค่าชดเชย และสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายให้แก่ลูกจ้างอย่างครบถ้วน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ได้ให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ชี้แจงสิทธิหน้าที่และสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและประกันสังคมให้แก่นายจ้างและลูกจ้าง ให้เตรียมจัดหางานรองรับกรณีลูกจ้างมีความประสงค์จะหางานใหม่ หากลูกจ้างต้องการเปลี่ยนสายงานหรือเพิ่มทักษะด้านอาชีพก็สามารถเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานได้ อย่างไรก็ตาม หากมีลูกจ้างได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวจะดำเนินการช่วยเหลือลูกจ้างให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายโดยเร็ว
นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้พนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 ประสานกับประกันสังคมพื้นที่ 3 จัดหางานพื้นที่ 10 สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่โดยทันที เพื่อชี้แจงข้อกฎหมายและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานให้นายจ้างรับทราบ โดยกสร. จะติดตามสถานการณ์การจ้างงานของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิด หากมีลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับค่าชดเชย ต้องการได้รับการช่วยเหลือ หรือต้องการคำปรึกษาสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 โทรศัพท์ 02 247 7903 หรือโทรสายด่วน 1506 กด 3 หรือ 1546
ข่าวที่เกี่ยวข้อง