
โรงไฟฟ้าน้ำงึม2เดินเครื่องปลายปี ผลประโยชน์ร่วมชาว"ไทย-ลาว"
ที่ผ่านมาตลอด 4-5 ปี ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยมีความเคลื่อนไหวในด้านการเมืองตลอดเวลา ส่งผลกระทบให้ภาคธุรกิจหลายๆ ส่วนหยุดชะงักลงแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่า ธุรกิจการลงทุนยังประเทศเพื่อนบ้านของไทยจะชะงักลงไปด้วย
ล่าสุดธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ เอ็กซิม แบงก์ ได้พาคณะสื่อมวลชน เดินทางไปเยี่ยมชมความคืบหน้าของโครงการเขื่อนและโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ซึ่งเป็นโครงการที่ธนาคารมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการลงทุนไปยังต่างประเทศและเป็นรูปธรรมที่เห็นได้ชัด
ดร.อภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงบทบาทของเอ็กซิม แบงก์ในการสนับสนุนการลงทุนของไทยในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ ส.ป.ป.ลาว ว่า ธนาคารพร้อมขยายสินเชื่อและให้บริการด้านข้อมูลข่าวสารเพื่อสนับสนุนการลงทุนของไทยในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยสอดคล้องกับแนวนโยบายของ นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลังที่ต้องการให้เอ็กซิม แบงก์ขยายบทบาทในเชิงรุกเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของนักลงทุนไทยเพิ่มมากขึ้นในการขยายการลงทุน หรือรับงานในต่างประเทศ รวมทั้งย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศเพื่อลดต้นทุนการผลิตและค่าจ้างแรงงาน โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องการเงินลงทุนสูงและต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี
"ปัจจุบันเรามีบริการครบวงจรเพื่อนักลงทุนไทย ประกอบด้วยบริการสินเชื่อทั้งการให้กู้ตรงและการให้กู้ร่วมกับสถาบันการเงินอื่น การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การร่วมลงทุน บริการประกันความเสี่ยงการลงทุน บริการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ และการเจรจากับภาครัฐและเอกชนในต่างประเทศ เพื่อรุกสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ภาคเอกชนไทยที่สนใจและมีศักยภาพสามารถขยายการลงทุนในต่างประเทศ" ดร.อภิชัยกล่าว
นอกจากเขื่อนน้ำงึม 2 แล้ว เอ็กซิมแบงก์ให้การสนับสนุนโครงการใน ส.ป.ป.ลาว อีกจำนวน 5 โครงการทั้งในปัจจุบัน และที่อยู่ในระหว่างการพิจารณา ประกอบด้วยเขื่อนเทินหินบูน เขื่อนน้ำเทิน 2 โครงการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลทรายดิบ เขื่อนห้วยเฮาะ โรงไฟฟ้าถ่านหินหงสา ขณะที่ ส.ป.ป.ลาว ตั้งเป้าหมายสู่การเป็น Battery of Asia ภายในปี 2563 ด้วยปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้า 2 หมื่นเมกะวัตต์ต่อปี ด้วยปัจจัยเกื้อหนุนสำคัญจากการที่ ส.ป.ป.ลาว มีพื้นที่ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำหลายสายทั้งแม่น้ำโขงที่เป็นต้นน้ำและแม่น้ำสายย่อยที่มีปริมาณน้ำจำนวนมากและมีแรงดันน้ำสูง อีกทั้งสภาพภูมิประเทศเอื้ออำนวยต่อการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ โดยเฉพาะทางภาคเหนือและภาคใต้ โดยในปี 2550 ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าเป็นธุรกิจสำคัญที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสูงสุดถึง 53% ของมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งหมดใน ส.ป.ป.ลาว
ด้านความคืบหน้าในการก่อสร้าง นายคำผุย จีรารื่นศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (ลาว) บริษัทย่อยของบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาโครงการเขื่อนและโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในด้านงานก่อสร้างนั้นโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ต้นปี 2549 หรือเมื่อ 4 ปีก่อน ทั้งนี้เขื่อนดังกล่าวจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 54 เดือน โดยขณะนี้คืบหน้ากว่า 85% คาดว่าจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายได้ในต้นเดือนพฤศจิกายน 2553 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม 4 เดือน
นายคำผุยกล่าวด้วยว่า เขื่อนและโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 เป็นโครงการเขื่อนไฟฟ้าขนาดใหญ่ใน ส.ป.ป.ลาว ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเวียงจันทน์ไปทางทิศเหนือ ระยะทางประมาณ 90 กม.โดยห่างจากโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 1 ไปทางเหนือน้ำประมาณ 35 กม. สำหรับเขื่อนโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 มีกำลังการผลิตโดยประมาณเทียบเท่ากับเขื่อนภูมิพล สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 2,218 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง เพื่อจำหน่ายกระแสไฟฟ้ากลับมายังประเทศไทยผ่านระบบสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการใช้พลังงานไฟฟ้าตามแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งประเทศไทยและ ส.ป.ป.ลาว
ทั้งนี้ จากมูลค่าโครงการ 881 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2549 เอ็กซิม แบงก์ได้อนุมัติเงินกู้แก่กระทรวงการเงิน ส.ป.ป.ลาว จำนวน 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับเป็นเงินส่วนทุนของรัฐบาล ส.ป.ป.ลาว ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นจำนวน 25% ส่วนอีก 75% ถือหุ้นโดยบริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งมีบริษัท ช.การช่าง จำกัด (ลาว) ถือหุ้น 100%
"เราจะได้รับสัญญาสัมปทานจากเขื่อนและโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 นาน 27 ปี ทั้งนี้เรื่องที่น่าสนคือ ราคาค่ากระแสไฟฟ้าที่จะมีอัตราคงที่มีการกำหนดไว้ล่วงหน้าทุกปี จะไม่มีการเพิ่มสูงขึ้นจากข้อตกลง เนื่องจากกระแสไฟฟ้ามีการผลิตจากพลังน้ำไม่ใช่เชื้อเพลิงที่มีอัตราการขึ้นลงตามการผันผวนของกระแสโลก เราบริษัทเอกชนซึ่งเป็นตัวแทนของนักลงทุนไทยเรามีความภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้ก่อสร้างโครงการนี้ เพราะโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ใหญ่ อีกทั้งที่ผ่านมาในประเทศไทยเองก็ไม่มีการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่แบบนี้มานาน ดังนั้นโครงการนี้จึงเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจอย่างมาก"