ข่าว

ด่วน ศาลอนุมัติ "หมายจับ" สันติ มือ "ฆ่า 2 ศพ" ที่ไต้หวัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลอนุมัติ "หมายจับ" สันติ มือฆ่า 2 ศพ ผัวเมีย ก่อนนำศพยัดใส่รถยนต์ที่ไต้หวัน หลังกองปราบยื่นขออนุมัติ ขณะที่ตำรวจไม่มั่นใจยังหลบซ่อนอยู่ในประเทศหรือไม่

จากกรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย และตำรวจไต้หวัน ขอความร่วมมือมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อขอให้ติดตามจับกุม  นายสันติ  ศุภอภิรดีไพลิน   อายุ 35 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม 2 สามีภรรยา รวมลูกแฝดในท้อง รวม 4 ศพ ทิ้งท้ายรถยนต์  ก่อนหลบหนีกลับมายังประเทศไทย

 

ล่าสุด พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำพยานหลักฐานไปขออำนาจศาลอาญา ถนนรัชดา ออกหมายจับ นายสันติ  ศุภอภิรดีไพลิน  อายุ 35 ปี ในฐานความผิดต่อชีวิต ตาม กฏหมายอาญา มาตรา 8 (ก) “ผู้ใดกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร และ ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้น หรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ ฯ”  

 

 

 

 

 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม

 

 

ล่าสุด มีรายงานว่า  ศาลอาญาอนุมัติจับนายสันติ ในคดีฐานฆ่าผู้อื่น หลังพ่อของนางลี่  ผู้เสียชีวิต เป็นผู้ร้องทุกข์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 (ก) , (4) ซึ่งตามกฎหมายพ่อ ถือเป็นผู้เสียหายในกรณีลูกสาวถูกฆ่า

 

 

สันติ ผู้ต้องหาฆ่า 2 ศพ ที่ไต้หวัน

 

 

ส่วนการติดตามจับกุมนายสันติ นั้นมีรายงานว่า ทางทีมสืบสวนกองปราบฯ ยังไม่มั่นใจว่า ผู้ต้องหาจะยังคงหลบหนี อยู่ในประเทศ หรือว่า หนีข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านแล้วหรือไม่ แต่ทั้งนี้หากว่านายสันติหลบหนีข้ามประเทศไปแล้ว ก็จะได้ประสานกับตำรวจของประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยติดตามจับกุมตัวให้ได้อีกด้วย

 

ทั้งนี้ ข้อมูลการสืบสวน พบว่า นายสันติ เดินทางออกจากประเทศไทยไปไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2565 และเดินทางกลับมาเข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้น ได้นั่งเครื่องต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ โดยเช่ารถแท็กซี่กลับไปไปบ้านพักในอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ โดยพบมีรถยนต์ของคนในครอบครัวนายสันติ ขับพานายสันติ มุ่งหน้าไปทางจังหวัดอุตรดิตติ์ ต่อเนื่องจังหวัดพิษณุโลก 

 

 

ศาลอนุมัติหมายจับ "สันติ" มือฆ่า 2 ศพ ที่ไต้หวัน

 


ข้อมูลของตำรวจ ยังพบว่า นายสันติ ถือหนังสือเดินทาง 2 สัญชาติ คือสัญชาติไทยและไต้หวัน เนื่องจากบิดาของนายสันติ เคยเป็นทหารกองพล 93 (นายพล ก๊กมินตั๋ง) ทำให้นายสันติ ได้รับสิทธิ์จากบิดามานานกว่า 10 ปี ในการถือสัญชาติ 

 

สำหรับคดีนี้ แม้ความผิดจะเกิดนอกราชอาณาจักร แต่ผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตเป็นคนไทย อีกทั้งผู้ก่อเหตุ หลบหนีเข้ามาประเทศไทย ตำรวจไทยจึงมีอำนาจดำเนินคดีตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 8 โดยมีผู้เสียหายตามกฎหมาย คือ พ่อแม่ ภรรยาและบุตร เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำความผิด ซึ่งตามหลักการ การดำเนินคดี ทำได้เช่นเดียวกับเหตุที่เกิดในประเทศไทย
 

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ