ข่าว

"ตำรวจ ปปป." แจ้งข้อหา 2 เจ้าคณะ จ.ลพบุรี-นนทบุรี เอี่ยวทุจริตเงินทอนวัด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจ ปปป.ลุยตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดต่อเนื่อง นิมนต์พระผู้ใหญ่ 2 เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี - นนทบุรี รับทราบข้อหา

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พิทักษ์ วาฤทธิ์ ผกก.2 บก.ปปป. และ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปปป. ได้นมัสการเชิญ พระเทพเสนาบดี (ประเทือง) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรีและเจ้าอาวาสวัดวิศราราม และพระอุดมสิทธินายก และ (กําพล มาลัย) รองเจ้าคณะ จังหวัดฯ รักษาราชการแทน เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี เจ้าอาวาสวัดบางอ้อยช้าง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี มาเข้าพบตามหมายเรียก เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา จากกรณีทุจริต เบิกจ่ายเงินงบประมาณอุดหนุนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (เงินทอนวัด)ซึ่งเป็นคดีต่างกรรมต่างวาระ 

โดยกรณีของพระเทพเสนาบดี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรีและเจ้าอาวาสวัดกวิศราราม นั้น สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ วัดกวิศราราม ได้รับอนุมัติงบประมาณอุดหนุนหลักสูตรพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เพื่อสนับสนุนการศึกษาและสามเณร สำนักพระงานพุทธศาสนาแห่งชาติปีงบประมาณ 2557 เป็นจำนวนเงิน 30 ล้านบาท  แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่า ไม่ได้มีการนำเงินงบดังกล่าว ไปจัดทำโครงการตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง แต่กลับนำไปใช้ทำอย่างอื่น โดยอ้างว่าเป็นการนำเงินไปสร้างส่วนต่อขยายโรงเรียนวินิตศึกษา ซึ่งก็ยังถือว่าเป็นการใช้เงินงบประมาณโดยผิดวัตถุประสงค์และไม่ถูกต้องตามระเบียบ ส่อเค้าแอบแฝงหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ทำให้เชื่อว่าเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่

ในส่วนกรณีของ พระอุดมสิทธินายก (กําพล มาลัย) รองเจ้าคณะ จังหวัดฯ รักษาราชการแทน เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี เจ้าอาวาสวัดบางอ้อยช้าง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี นั้น สืบเนื่องจาก มีการตรวจพบการทุจริตเบิกจ่ายเงินงบประมาณอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ประจําปีงบประมาณ 2556 ของสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่มอบให้กับวัดบางอ้อยช้าง ทั้งที่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม เป็นเงินจํานวน 13 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการอนุมัติงบอุดหนุนโครงการต่างๆ ให้กับวัดบางอ้อยช้าง โดยไม่มีการจัดโครงการตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวอ้างไว้อีก เป็นเงิน 18.5 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 31.5 ล้านบาท จึงตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด กระทั่งพบว่า พระอุดมสิทธินายก ได้มีการถอนเงินสดรวมทั้งหมด จํานวน 23.5 ล้านบาท ออกมาก่อนนำไปทอนคืนให้กับ นายบุญเลิศ โสภา (อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา) หนึ่งในผู้ต้องหาขบวนการเงินทอนวัดที่ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ จึงถือว่าเป็นสมคบหรือมีส่วนร่วมกันวางแผนยักย้ายถ่ายโอนเงิน หรือการกระทำความผิดดังกล่าว 

จากการสอบสวน พระผู้ใหญ่ทั้ง 2 รูปให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ได้รับทราบ ก่อนปล่อยตัวไป โดยหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จะเร่งดําเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปความเห็นทางคดีต่อไป

พระเทพเสนาบดี ตามความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน แต่กลับเบียดบังทรัพย์นั้นไปเป็นของตน โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงาน แต่กลับใช้อํานาจตําแหน่งในการทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับจัดทำเอกสารหลักฐานเท็จ”

พระอุดมสิทธินายก แจ้งข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานสมคบและร่วมกันฟอกเงิน"

 

"ตำรวจ ปปป." แจ้งข้อหา 2 เจ้าคณะ จ.ลพบุรี-นนทบุรี เอี่ยวทุจริตเงินทอนวัด "ตำรวจ ปปป." แจ้งข้อหา 2 เจ้าคณะ จ.ลพบุรี-นนทบุรี เอี่ยวทุจริตเงินทอนวัด

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ