"ธนกร" ตอบทำไมคุมราคาน้ำมันไทยไม่ได้ ยันไม่ได้แพงสุดในอาเซียน

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา น​​​ายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ราคาพลังงานสูงขึ้นและบางประเทศขาดแคลนพลังงาน ส่งผลให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยนายกรัฐมนตรีมีข้อห่วงใยกำชับทุกฝ่ายให้ช่วยกันสร้างการรับรู้ให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องราคาน้ำมันของไทย เน้นย้ำว่าราคาน้ำมันไทย ไม่ได้แพงที่สุดในอาเซียน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาพลังงานของประเทศให้ดีที่สุด

ไทยยังมีบริษัท ปตท. ที่พร้อมดูแลความมั่นคงด้านพลังงาน โดยกระทรวงพลังงานชี้แจงว่า ท่ามกลางสงครามรัสเซียยูเครนเป็นเหตุให้อุปทานพลังงานลดลงประกอบกับสถานการณ์โควิดในหลายประเทศดีขึ้น ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อราคาเชื้อเพลิงตลอดจนค่าครองชีพของประชาชนที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบราคาน้ำมันของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วจะพบว่า จุดที่ทำให้ราคาแตกต่างกันขึ้นกับโครงสร้างน้ำมัน ประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ต้องนำเข้าน้ำมันเช่นเดียวกับประเทศไทย จึงทำให้มีต้นทุนเนื้อน้ำมันไม่ต่างกันมากนัก ราคาที่ซื้อขายจะอ้างอิงตลาดโลกแต่ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันแต่ละประเทศแตกต่างกันคือโครงสร้างของน้ำมันแต่ละประเทศ  ที่แต่ละประเทศมีภาษี ระบบการเก็บเงินเข้ากองทุน หรืออุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน อย่างบางประเทศที่น้ำมันถูก เช่น มาเลเซีย หรือบรูไน จะเห็นได้ว่าเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ทำให้นอกจากจะไม่เก็บภาษีเพิ่มแล้ว ยังมีนโยบายในการสนับสนุนราคาในประเทศ โดยรัฐบาลได้นำเงินที่ได้จากการขายน้ำมันมาอุดหนุนราคาน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศเหล่านั้นถูกกว่าประเทศอื่น ๆ ที่ต้องนำเข้าน้ำมันนั่นเอง 

ในส่วนของประเทศไทยรัฐบาลก็ได้ดูแลราคาน้ำมันมาอย่างต่อเนื่องโดยใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลรวมถึงการลดภาษี ล่าสุดได้รถมาจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของน้ำมันกลุ่มเบนซิน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะที่ประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันดิบ ราคาขึ้นลงตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรามีต้นทุนเนื้อน้ำมันจากราคาหน้าโรงกลั่น อ้างอิงราคาตามตลาดสิงคโปร์ และยังต้องเสียภาษีต่างๆ ซึ่งหากเปรียบเทียบราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซล ของไทย กับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน แล้ว ราคาน้ำมันเฉลี่ยในอาเซียน ณ วันที่ 6 มิถุนายน 2565 (อัตราแลกเปลี่ยน อัตรากลาง ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2565) เบนซิน สิงคโปร์ อยู่ที่ 83.25 บาท/ลิตร ลาว อยู่ที่ 60.68 บาท/ลิตร กัมพูชา อยู่ที่ 52.51 บาท/ลิตร ฟิลิปปินส์ อยู่ที่ 51.26 บาท/ลิตร เวียดนาม อยู่ที่ 46.79 บาท/ลิตร เมียนมา อยู่ที่ 44.95 บาท/ลิตร ไทย อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร และอินโดนีเซีย อยู่ที่ 43.78 บาท/ลิตร ส่วนดีเซล สิงคโปร์ อยู่ที่ 77.00 บาท/ลิตร ฟิลิปปินส์ อยู่ที่ 51.91 บาท/ลิตร กัมพูชา อยู่ที่ 46.59 บาท/ลิตร ลาว อยู่ที่ 46.36 บาท/ลิตร อินโดนีเซีย อยู่ที่ 46.05 บาท/ลิตร เมียนมา อยู่ที่ 44.58 บาท/ลิตร เวียดนาม อยู่ที่ 39.11 บาท/ลิตร และไทย อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร จะเห็นว่าราคาน้ำมันขายปลีกไทยไม่ได้เป็นราคาสูงที่สุด และที่สำคัญแต่ละประเทศต่างตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงด้านพลังงาน โดยเฉพาะประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานเป็นหลัก  

อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี ฝากถึงประชาชนคนไทยทุกคนช่วยกันใช้พลังงานอย่างประหยัดขอให้ร่วมกันเพื่อชาติ