
"ดีเอสไอ-ป่าไม้" บินโดรนตรวจเขตป่าถาวร พังงา 5พันไร่ พบสิ่งรุกล้ำจำนวนมาก
ดีเอสไอ ร่วมกับ กรมป่าไม้ ตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ถาวร ป่าควนช้าง-เขาทองหลาง จังหวัดพังงา พบเคยออกนส.3 นายทุนกว้านซื้อทีทำรีสอร์ต
จากการตรวจสอบกับสำนักงานที่ดินจังหวัดพังงา พบมีการออกเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 แล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2519 - 2520 จึงต้องมีการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ว่าออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ข้อมูลจากการบินสำรวจอากาศยานไร้คนขับ พบว่า
1. พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาที่มีความลาดชันสูง บางส่วนเกินกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ คาบเกี่ยว อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร บริเวณดังกล่าวทำประโยชน์เป็นรีสอร์ต มีหลายส่วนทั้ง ตัดถนนเข้าไปในพื้นที่ภูเขา แผ้วถางปรับพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำสวนยาง รวมถึงยังพบการสร้างฝายกั้นทางน้ำ เพื่อสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำ
2. เมื่อตรวจสอบกับระวางรูปถ่ายทางอากาศ (นส.3 ก) ของกรมที่ดิน เบื้องต้นพบว่า มีพื้นที่บางส่วนออกเอกสารสิทธิ์ รุกล้ำเข้าไปในเขตป่าไม้ถาวร โดยบริเวณที่มีการตัดถนน พบว่าอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรทั้งแปลง และยังพบว่า มีเอกสารสิทธิ์เป็น นส.3 ก เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่
3. การสำรวจด้วยอากาศยานไร้คนขับ ใช้อากาศยานชนิดทำแผนที่แบบความถูกต้องสูง สามารถเชื่อมโยงกับระบบการรังวัดเครือข่ายดาวเทียมแบบจลน์ RTK GNSS Network ของกรมที่ดิน ทำให้แผนที่อยู่ในระบบเดียวกันกับกรมที่ดินและมีความถูกต้องสูง เพื่อใช้ตรวจสอบแนวเขตการรุกล้ำพื้นที่ของรัฐได้อย่างชัดเจน
หลังจากนี้ดีเอสไอจะทำการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง เพื่อตรวจสอบการทำประโยชน์ในที่ดิน ว่ามีการออกเอกสารสิทธิชอบหรือไม่อย่างไร
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า วันนี้ได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่ในภาพรวม ตรวจสอบข้อมูลเอกสารสิทธิ และเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ การตรวจสอบพื้นที่ได้ให้เจ้าหน้าที่ศูนย์แผนที่ฯ นำโดรน มาบินสำรวจ โดยได้พบเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ยืนยันว่าในพื้นที่เป็นเขตป่าไม้ถาวรและพบผู้ใหญ่บ้านผู้ปกครองท้องที่ ยืนยันว่านายทุนได้กว้านซื้อที่ดิน และบุกรุกทำลายป่าต้นน้ำ จึงได้สั่งการให้ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 8 เร่งดำเนินการสืบสวนให้ได้ความจริงมากที่สุด เพื่อทวงคืนสาธารณสมบัติประเทศ ให้กลับมาเป็นของส่วนรวม และให้รายงานผลให้ทราบโดยเร็วต่อไป