"ชัยวุฒิ" แจงคดี "แอนนา" แพร่ภาพข่าวได้ ไม่ผิดกฏหมาย "PDPA"

จากกรณี "แอนนา" วรินทร วัตรสังข์ ผู้ต้องหาคดี หวยทิพย์ ตามหมายจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบ โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และ ร่วมกันโดยทุจริต หรือ หลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน อันเป็นเท็จ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าควบคุมตัว แอนนา ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดินทางกลับจากต่างประเทศ ก่อนที่จะคุมตัวไปสอบปากคำ ที่สน.ทองหล่อ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา  โดยมีการเผยแพร่ภาพข่าวดังกล่าวออกทางสื่อต่างๆ รวมถึงเพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมข่าว 

ต่อมา แอนนา ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กโดยระบุว่า "ด้วยความเคารพถึงคุณอาสรยุทธ คลิปนี้คุณอาได้มาจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไหมคะ แอนดาขอความกรุณาเจ้าหน้าที่แล้วว่าขอใช้สิทธิ PDPA แต่สุดท้ายแอนนาก็ถูกละเมิดสิทธิตั้งแต่เจ้าหน้าที่รัฐจนถึงสื่อใหญ่ ถ้าเป็นตาสีตาสาคนธรรมดาเค้าจะปกป้องตัวเองอย่างไร"

ล่าสุด นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม  กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า   กรณี "แอนนา" ผู้ต้องหาคดี หวยทิพย์ ตามหมายจับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ออกมาระบุว่า ถึงการใช้สิทธิการกฏหมาย PDPA พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจถ่ายคลิปวิดีโอและเผยแพร่คลิประหว่างถูกควบคุมตัว ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และ สื่อนำภาพไปเผยแพร่ ว่าโดยหลักการกฏหมาย PDPA มุ่งเน้นคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของประชาชน ที่นำไปเก็บไว้ตามหน่วยงานต่างๆ หรือตามหน่วยงานธุรกิจต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหาย แต่มีข้อยกเว้นใน มาตรา 4(3) ว่าการประกอบอาชีพสื่อมวลชน การเสนอข่าวต่างๆ ไม่ถือเข้าข่ายเป็นความผิดกฏหมาย PDPA แต่ต้องเป็นไปตามประมวลจริยธรรม ขอสื่ออย่ากังวล ไม่มีความผิดตามกฏหมาย PDPA 

ส่วนที่เป็นประเด็นข้อสงสัยในวงการสื่อมวลชน ระหว่างนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวชื่อดัง กับสมาคมนักข่าว ควรจะมีหน่วยงานใดออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนและกระทรวงดีอี มีหน้าที่ชี้แจง ว่าไม่ผิดกฏหมาย แต่ถ้าจะถกเถียงกัน เพื่อให้ได้ข้อยุติ เป็นเรื่องของการประกอบวิชาชีพตามมาตรฐานจริยธรรม ไม่เกี่ยวกับกฎหมาย

เช่นเดียวกับที่ แอนนา บอกว่า การนำภาพมาเผยแพร่ ผิดกฎหมาย PAPD นั้น เจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว ก็ว่าไปตามกฏหมาย เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ให้อำนาจ เจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ส่วนจะทำได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับกฎหมายในเรื่องนั้นนั้นที่กฏหมายกำหนด และมาตรา 4 ยังยกเว้นงานที่เป็นการทำหน้าที่ตามปกติ ของหน่วยงานด้านความมั่นคง ในเรื่องของประโยชน์สาธารณะ ซึ่งจะไม่เข้า ความผิดกฏหมาย PDPA เพราะในงานความมั่นคง มีการสืบสวนสอบสวน เก็บรวบรวมของข้อมูลผู้ต้องหาหรือบุคคลที่มีความผิด ซึ่งมีการแลกเปลื่ยนข้อมูลตามปกติอยู่แล้ว ดังนั้นอย่านำเรื่องการนำเสนอข่าว มาปะปนกันข้อมูล PDPA 

ส่วนประชาชนที่ถูกละเมิดข้อมูล ถูกนำชื่อที่อยู่ ไปเปิดเผยข้อมูลด้านธุรกิจ แล้วถูกส่งเป็นจดหมายกลับไปที่บ้าน สามารถร้องเรียนได้ที่กระทรวงดีอี หรือเวปไชต์กระทรวง
 

ทั้งนี้ กฎหมาย PDPA หรือ  พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นกฎหมายที่ถูกสร้างมาเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของทุกคน รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลและนำไปใช้โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบ และไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลเสียก่อน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2565 

ขอบคุณภาพ เฟซบุ๊ก : แอนนา