ข่าว

“สุพัฒนพงษ์” ยืนยันรัฐบาลมีแผนรองรับวิกฤติ "พลังงาน”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“สุพัฒนพงษ์” ยืนยันรัฐบาลมีแผนรองรับวิกฤติ "พลังงาน” พร้อมมั่นใจไทยสามารถสู้วิกฤติรัสเซีย-ยูเครนได้แม้จะยืดเยื้อ เผยนักธุรกิจชุดใหญ่ ”ซาอุ-ญี่ปุ่น-เมกา” เตรียมมาไทยหาโอกาสลงทุน

วันที่ 30 พ.ค.2566 ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนสภาราษฎร อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) กรุงเทพฯ ในการอภิปราย ร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท นั้น

 

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเขาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่อง พลังงาน ว่า ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันดิบที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศ ประมาณ 90% ซึ่งวิกฤติพลังงานเกิดขึ้นทั่วโลกไม่ใช่เกิดเฉพาะในประเทศไทย ดังนั้นสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงจึงต้องทราบว่ามาจากเหตุอะไร

นายสุพัฒนพงษ์ ยังบอกว่ารัฐบาลมีแนวทางในการแก้ปัญหา โดนมีมาตรการเพิ่มความยืดหยุ่นระยะสั้น อย่างเรื่องของไฟฟ้าที่มีการใช้แก๊สธรรมชาติในการผลิตหลัก เมื่อแก๊สมีราคาสูงขึ้นจึงจำเป็นต้องหาสิ่งอื่นมาทดแทน ดังนั้นโรงไฟฟ้าถ่ายหินจึงถือว่ายังมีความจำเป็น รวมถึงจะต้องมีการเพิ่มพลังงานสะอาดเพื่อนำมาทดแทนด้วย

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเขาว์ ชี้แจงสภาฯ

 

ส่วนมาตรการประคับประคองอัตราเงินเฟ้อ ที่เพิ่งผ่านปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจจากโควิด ซึ่งเศรษฐกิจก็กำลังจะฟื้น การท่องเที่ยวก็กำลังจะฟื้น และจากวันที่เริ่มเปิดประเทศจนถึงวันนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศแล้ว 1-2 ล้านคน และรัฐบาลยังได้ประคับประคองในเรื่องของราคาน้ำมันและแก๊สแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยการตรึงราคา

นอกจากนี้ รองนากรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลยังต้องรักษาเสถียรภาพความมั่นคงทางด้านพลังงาน ซึ่งวันนี้มีปริมาณสำรองถึง 2 เดือนกว่า และพยายามจะทำให้เพิ่มสูงขึ้นเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันยังจำเป็นต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ คือ เรื่องของราคา ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน

 

ส่วนมาตรการเสริมสภาพคล่อง ก็ได้มีการบดเงินสมทบให้กับลูกจ้างแรงงานในระบบและโครงการคนละครึ่งเฟส4 เพื่อดูแลประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากความเดือดร้อน ทั้งนี้ไทยยังรักษาเสถียรภาพความมั่นคงทางด้านการเงินการคลังได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ก่อนโควิดจนถึงวันนี้ โดยดูได้จากอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ยังอยู่ในอันดับเดิม และท้ายที่สุดก็ชี้ให้เห็นว่ามาตรการด้านพลังงานที่รัฐบาลได้ดูแลตั้งแต่ปี 63-65 ได้ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 206,903 ล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถรับมือกับปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่คาดว่าจะยืดเยื้อได้


นายสุพัฒนพงษ์ ยังกล่าวว่า รัฐบาลยังมีแผนดึงดูดการลงทุนจากการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปประเทศซาอุดิอาระเบีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ซึ่งทั้ง3ประเทศมีความพร้อมและมีความสนใจที่จะนำคณะนักธุรกิจชุดใหญ่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อหาโอกาสในการลงทุนตั้งแต่ช่วงไตรมาส3และ4ของปีนี้ และไตรมาสแรกของปี2566

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ