คว้าน้ำเหลว? "อัจฉริยะ"ไม่พบวัตถุพยานเพิ่มเติม"คดีแตงโม"

เมื่อเวลา 16:00 น.วันที่ 31 พ.ค.65 หลังจากที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำทีม"โดรนสำรวจวัตถุใต้น้ำ"ลงสำรวจ 3 จุด ได้แก่ บริเวณเนินท่าทรายใกล้กับท่าเรือพิบูลสงคราม 1 บริเวณท่าน้ำวัดเขามา และบริเวณท่าน้ำวัดค้างคาว ซึ่งใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ปรากฎว่าไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม เนื่องจากอุปสรรคจากคลื่นใต้น้ำที่ไหลแรง จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรเลย

อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้ร่างคำฟ้องผู้ต้องหาบนเรือไว้แล้ว แต่ถ้าเจอหลักฐานจะทำให้โทษหนักขึ้น อย่างไรก็ตามถึงจะไม่เจอพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก็ยังยืนยันจะฟ้อง โดยจะฟ้องผู้ที่มีคราบเลือดของ"แตงโม"ติดอยู่ที่บริเวณเสื้อผ้าสองจุด ในข้อหาตามมาตรา 290 "ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใด ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี" ซึ่งหลักฐานชัดๆเลยที่จะเอาผิดก็คือ"คราบเลือด"ที่ติดอยู่บริเวณเสื้อผ้าของ1 ใน 5 คนบนเรือ ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานเป็นคนเจอ แต่ก็ไม่ทราบว่าส่งสำนวนให้อัยการหรือไม่

นายอัจฉริยะยังยืนยันว่าวันนี้ไม่ใช่การ"คว้าน้ำเหลว" เพราะตนก็ไม่รู้ว่าคนบนเรือมีการทิ้งมีดจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าเจอก็โชคดีแต่ถ้าไม่เจอก็ไม่เป็นไร พร้อมกับบอกว่าตอนนี้ไม่มีใครมาข่มขู่ตน ไม่มีใครมาเสนอเงิน และไม่กังวลว่าคนบนเรือจะฟ้องกลับ เพราะยิ่งฟ้องก็จะยิ่งชอบ ซึ่งถ้าฟ้องได้เขาฟ้องไปนานแล้ว ซึ่งตนก็รอให้ฟ้องอยู่

ส่วนกรณีที่"กระติก" อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ออกมาโพสต์ข้อความบอกว่า ตนดำเนินคดีล้มเหลวมาหลายคดี นายอัจฉริยะก็อธิบายว่าเป็นการโพสต์มั่ว โดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ยืนยันว่าทุกคดีที่ตนทำ ทำอย่างรอบคอบเรียบร้อยทุกคดี แต่ก็จะไม่เอาผิดกับกระติกเพราะมองว่าเสียเวลา