เริ่มแล้วถก "งบประมาณรายจ่ายประจำปี" 66 เวทีลับฝีปาก "ฝ่ายค้าน"

สภาผู้แทนราษฎร นัดประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2566 ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึงวันที่ 2 มิถุนายนนี้ ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ เป็นงบประมาณขาดดุลย์ ต่อเนื่อง วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3.185 ล้านล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุด ตามมาด้วยกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลังและกระทรวงกลาโหม ตามลำดับ โดยที่ประชุมวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน ตกลงจะใช้เวลาในการอภิปราย 47 ชั่วโมง 30 นาที รัฐธรรมนูญกำหนดให้สภาผู้แทนราษฎร ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายใน 105 วัน นับแต่วันที่ได้รับร่างฯ ซึ่งจะต้องไม่เกินวันที่ 29 สิงหาคมนี้

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รับปากว่าจะดูแลสมาชิกในพรรคให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือการสนับสนุนร่างฯ ฉบับนี้ หลังจากมีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลในที่ประชุม ครม. ว่าร่างงบประมาณปี 66 จะผ่านการพิจารณา แต่ยังมีความเคลื่อนไหวข้างนอกอย่าง

สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ระบุว่า การพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ครั้งนี้ ถือเป็นการพิจารณางบที่สำคัญ เพราะเป็นปีสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ และเป็นงบประมาณที่เข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งฝ่ายค้านต้องพึงระวังว่ารัฐบาลอาจจัดงบหวังการเลือกตั้งเป็นเป้าหลัก จึงต้องช่วยกันอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจกับรัฐบาลและประชาชนว่ามีคนสื่อสารผิด ว่าถ้าร่างงบประมาณถูกคว่ำในวาระแรก ประชาชนจะลำบากมาก ประเทศจะเดินไม่ได้ อันนี้เป็นการสร้างความเข้าใจที่ไขว้เขว ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด ซึ่งที่จริงเรื่องนี้รัฐธรรมนูญมีทางออก ให้งบประมาณมีความสมบูรณ์เป็นประโยชน์ที่สุด จะตกก็ได้ โดยมีการกำหนดว่า หากวาระ 1 ไม่ผ่านให้ใช้งบประมาณปีเก่าไปพลางก่อน ซึ่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ คือต้องการให้พิจารณากฎหมายให้รอบคอบ แม้จะตกไปก็มีกันชนให้ประชาชนแล้ว โดยให้กลับไปทำมาใหม่ก็ได้ ดังนั้นการที่ฝ่ายค้านมีมติจะคว่ำไม่ใช่ไม่คำนึงถึงประชาชน แต่ดีกว่าการดันทุรังเดินหน้าต่อ

ชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล ให้มั่นใจได้ว่า เสียงรัฐบาลเป็นเสียงข้างมาก ซึ่งจะช่วยให้ผ่านการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ได้ จึงขอให้ฝ่ายค้านสบายใจว่ารัฐบาลจะให้โอกาสในการตรวจสอบอย่างเต็มที่ เพราะทราบดีว่าฝ่ายค้านให้ความสนใจ เพราะงบปีนี้มีจำนวนมาก และเป็นปีสุดท้ายของรัฐบาล อีกทั้งทราบว่าฝ่ายค้านจะตั้งคณะกรรมาธิการชุดใหญ่เข้ามาตรวจสอบ คณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะใช้ไปเป็นข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ถือเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน

ส่วนที่วิจารณ์ ว่าการจัดสรรงบประมาณปีนี้เป็นแบบช้างป่วย มองว่าเป็นการกล่าวหาที่เกินเลย  พร้อมย้ำเหตุผลที่จัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นเพราะต้องใช้ในภาระกิจฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากสถานการณ์โควิด 19 การพัฒนาประเทศของท้องถิ่น และการพัฒนาโครงการพื้นฐานใน EEC  จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเป็นการจัดสรรงบประมาณเป็นแบบช้างลากซุง เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ และจะเป็นช้างวิ่งในระยะต่อไป