"เรอัลมาดริด" ดับฝัน "ลิเวอร์พูล" ผงาดแชมป์ "ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก"สมัยที่ 14
"ลิเวอร์พูล" ที่มีเป้าหมาย จบฤดูกาล ด้วยทริปเปิลแชมป์ ต้องพลาดท่าให้กับ " เรอัลมาดริด" แชมป์ลาลีกา สเปน ที่เป็นฝ่ายทำผลงานเฉือนเอาชนะ"หงส์แดง" คว้าถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก โดย"ราชันชุดขาว "ได้ประตูชี้ขาดในเกมนี้ จาก วินิซิอุส จูเนียร์ นาทีที่ 58 พาทีมซิวแชมป์สมัยที่ 14
ฟุตบอล "ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก" ( ยูซีแอล) นัดชิงชนะเลิศ เกมที่ สนามสต๊าด เดอ ฟรองซ์ ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นคู่ระหว่าง "ลิเวอร์พูล" พบ "เรอัลมาดริด" โดย 11 ผู้เล่น ในเกมนี้ของ "ลิเวอร์พูล" ประกอบด้วย : อลีสซง เบ็คเกอร์; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์,อีบราอีมา โกนาเต , เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค,แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้ , หลุยส์ ดิอาซ , โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ด้าน "เรอัลมาดริด" : โบต์ กูร์กตัวส์; ดานี่ การ์บาฆาล, เอแดร์ มิลิเตา, ดาวิด อลาบา, โทนี่ โครส , คาริม เบนเซม่า, ลูก้า โมดริช , คาร์ลอส กาเซมีโร่ ,เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, วินิซิอุส จูเนียร์ และ แฟร์กล็องด์ เมนดี้
เส้นทางของทั้ง 2 ทีม ก่อนถึงมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ฝั่ง"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จากพรีเมียร์ลีกอังกฤษ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ชนะ เบนฟิก้า ทีมจากโปรตุเกส รวมผลสองนัด 6-4 และ รอบรองชนะเลิศ ชนะ บียาร์เรอัล จากลาลีกาสเปน รวมผลสองนัด 5-2 ขณะที่"ราชันชุดขาว" เรอัลมาดริด ทำผลงานด้วยการปราบทีมจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษ โดย รอบ 8 ทีม เอาชนะ เชลซี รวมผลสองนัด 5-4 และ รอบรองชนะเลิศ ชนะ "เรือใบสีฟ้า" แมนซิตี้ รวมผลสองนัด 6-5 ผลงานของทั้ง 2 ทีมในฤดูกาลนี้ ก่อนมาเดิมพันกับ"ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก" ฝั่ง "ลิเวอร์พูล" ชนะเลิศ "คาราบาว คัพ" และ เอฟเอ คัพ ส่วน "เรอัลมาดริด" จบผลงานด้วยแชมป์ลาลีกา สเปน
เกมครึ่งแรก เป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่เปิดเกมบุกเข้าใส่ "ราชันชุดขาว"ในหลายระลอก เริ่มจาก นาที 16 ซาลาห์ ได้จังหวะจบในเขตโทษ แต่ไปติดเซฟของกูร์ตัวส์ ผู้รักษาประตู"ราชันชุดขาว" , นาทีที่ 20 มาเน่ได้จังหวะซัดในเขตโทษ แต่ไปติดปลายมือของกูร์ตัวส์ และบอลชนเสาออกไป , นาทีที่ 41 เฮนเดอร์สัน ยิงจากแถวสอง บอลหลุดเสาออกไป ด้าน เรอัลมาดริด มาได้จังหวะสำคัญ ในนาทีที่ 45 เมื่อเบนเซม่า อาศัยจังหวะชุลมุนหน้าประตู ซัดบอลเข้าไป แต่เป็นจังหวะล้ำหน้า หลังจากเช็คด้วย วีเออาร์ ทำให้สกอร์ครึ่งแรก ยังอยู่ที่ 0-0
เกมครึ่งหลัง เป็นนาทีที่ 58 "ราชันชุดขาว" เรอัลมาดริด ได้เฮ เมื่อ วินิซิอุส จูเนียร์ ซัดให้ มาดริด ขึ้นนำ สกอร์ เป็น ลิเวอร์พูล 0 - เรอัลมาดริด 1 สถานการณ์ของลิเวอร์พูล หลังเสียประตู" หงส์แดง" จัดทัพใหม่ ถอด ดิอาซ ออก เอาโชต้าลงมา ในนาทีที่ 65 , ตามด้วย ถอด เฮนเดอร์สัน กับ ติอาโก้ ออก ในนาทีที่ 76 และส่ง เฟอร์มิโน่ , เกอิต้า ลงไปแทนที่ , เกมต่อเนื่องไปนาทีที่ 83 ซาลาห์ ได้จังหวะพาบอลมาหน้าประตู แต่ไม่คมพอในการจบสกอร์ โดย กูร์ตัวส์ ป้องกันไว้ได้ แข่งจนครบ 90 นาที เป็น ลิเวอร์พูล ที่พ่ายให้กับ เรอัลมาดริด 0-1 ส่งให้ "ราชันชุดขาว" คว้าแชมป์
โดย "ราชันชุดขาว"ชนะเลิศ รายการนี้ เป็นสมัยที่ 14 นับจาก ปี 1956 , 1957 , 1958 , 1959 , 1960 , 1966 , 1998 , 2000 , 2002 , 2014 , 2016 , 2017 และ 2018 อีกทั้งเป็นการจบผลงาน ด้วยดับเบิ้ลแชมป์ จากการชนะเลิศ ทั้งลาลีกาสเปน จนมาถึง ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลล่าสุด สำหรับ "ลิเวอร์พูล " คว้าแชมป์รายการนี้ 6 สมัย ในปี 1977, 1978, 1981, 1984, 2005 และ 2019
"ราชันชุดขาว " เรอัลมาดริด ทำผลงานชนะเลิศแชมป์ฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก เมื่อเอาชนะลิเวอร์พูล 0-1 ในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ที่ สนามสต๊าด เดอ ฟรองซ์ ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
CREDITPHOTO
https://twitter.com/LFC
https://twitter.com/ChampionsLeague