พ่อวัย 55 ปี หอบหลักฐาน พบ "ทนายตั้ม" หลังโดน 18 มงกุฎคนอ้างเป็นทนายในทีม หลอกให้โอนเงิน 1.3 ล้าน อ้างนำไปเคลียร์คดีของลูกชาย
ที่สำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม นายเสถียร (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี พร้อมด้วย นายวสันต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี พร้อมครอบครัว เดินทางเข้าพบนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการ มูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เพื่อขอคำปรึกษา หลังถูกชายแอบอ้างเป็นทีมงานของ ทนายตั้ม หลอกให้โอนค่าเคลียร์คดีความของลูกชาย สูญเงินกว่า 1.3 ล้านบาท
โดย นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า มีบุคคลหนึ่ง ใช้ชื่อว่า นายเวหา แอบอ้างเป็นทีมงานของตน พร้อมนำภาพและโลโก้ของสำนักงานทนายความไปสร้างความน่าเชื่อถือ หลอกลวงให้มีการโอนเงิน โดยอ้างว่านำไปใช้เคลียร์คดีความของลูกชายผู้เสียหาย สูญเงินไปนับล้านบาท
ด้าน นายเสถียร ซึ่งเป็นผู้เสียหายในครั้งนี้ นำหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงินนับล้านบาทมายืนยัน พร้อมระบุ ว่า เงินจำนวนนี้ ถูกนายเวหา อ้างว่านำใช้ในการสู้คดีของลูกชาย ทำให้ตอนนี้ครอบครัวตกที่นั่งลำบากจากหนี้สิน เพราะเงินนับล้านบาทนี้ เป็นจำนวนเงินที่ได้จากการกู้ยืมจากผู้อื่นมาอีกที ซึ่งในตอนพูดคุยทางไลน์ นายเวหา บอกว่ารู้จักกับ ทนายตั้ม สามารถที่จะช่วยเหลือในเรื่องคดีของลูกชายตนได้ แต่ต้องนำเงินมาให้ในการดำเนินการ ซึ่งด้วยความที่ตนอยากช่วยลูกชาย จึงหยิบยืมเงินดังกล่าวมาให้
นายเสถียร กล่าวทั้งน้ำตาว่า อยากถามนายเวหา ว่า จิตใจทำด้วยอะไร คนหาเช้ากินค่ำ ทำงานโรงงาน เหตุใดจึงโหดร้ายตนมากขนาดนี้ ซ้ำร้าย นายเวหายังนำลูกชายของตนไปเป็นลูกน้อง คอยขับรถรับส่ง และยังอ้างว่าจะมีเงินเดือนให้ แต่ต้องปรึกษากับทนายตั้มก่อน
ขณะที่ นายวสันต์ ระบุว่า ตัวเองถูกใช้เป็นสื่อกลางในการเรียกเงินจากผู้เสียหาย ทำให้มาทราบภายหลังว่า นายเวหา เคยมีประวัติหลอกลวงผู้อื่น
ด้านแม่ผู้เสียหาย เล่าว่า เคยติดต่อกับนายเวหา ทางโทรศัพท์สอบถามถึงเรื่องเงินที่ติดค้าง ซึ่งนายเวหา อ้างสารพัด ทั้งการนำไปให้กับทางผู้พิพากษา อัยการ รู้จักกับทนายตั้ม ผ่านทนายความอีกคน ซึ่งเป็นบุคคลที่ตนรู้จัก ทำงานอยู่ในสำนักงานของทนาย ซึ่ง ผู้เสียหายมีคดีความที่ศาลอาญาพระโขนง ถูกแจ้งความไว้ที่ สน.บางนา แต่เมื่อ ทนายตั้ม สอบถามถึงเลขคดี กลับไม่พบว่ามีคดีตามที่นายเวหา กล่าวอ้าง
นายเวหายังยืนยันว่า ตนเองเป็นทนายความ และได้นำเงินจากผู้เสียหายจำนวน 1.3 ล้านบาทไปช่วยเรื่องคดีจริง หากถูกหมายเรียกก็ยินดีเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ
ทั้งนี้ นายษิทรา หรือ ทนายตั้มได้นัดหมายให้นายเวหา นำเอกสาร ทั้งสลิปการโอนเงินที่อ้างว่าให้กับทางอัยการมาเพื่อยืนยัน พร้อมกับนำผู้เสียหายไปแจ้งความ เพื่อดำเนินการคดีกับ นายเวหา ในความผิดฐาน ฉ้อโกงฯ,พรบ.คอมพิวเตอร์ฯและ หมิ่นประมาทฯ ที่ สภ.สามพราน จ.นครปฐม ในวันที่ 28 พ.ค. นี้
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเวหา มีประวัติคดีติดตัวเป็นจำนวนมากและ ส่วนของคดีที่ทางนายเวหา อ้างว่าเป็นคดีของลูกชายผู้เสียหาย ก็พบว่าไม่เป็นความจริงอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง