"หลวงพี่น้ำฝน" ตอบปม "หมอปลา" เคลียร์ใจย่องเข้าพบกลางดึกให้อภัยหรือไม่

กรณีที่ หมอปลา และ กัน จอมพลัง ถ่ายภาพร่วมกันกับ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ "หลวงพี่น้ำฝน" เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม โดยเพจของ "กัน จอมพลัง" ได้ขึ้นภาพและข้อความว่า "การพูดให้คนทะเลาะกันมันง่ายมาก แต่ทำแล้วได้อะไรนอกจากศัตรู การทำให้คนรักกันมันอาจจะยาก เพราะต้องทำมากกว่าพูด แต่มันก็คุ้มค่าที่จะทำ เพราะผลลัพธ์คือได้มิตรที่ยิ่งรักกัน
 

ทั้งนี้ หลวงพี่น้ำฝน กล่าวถึงภาพดังกล่าวว่า เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่ง หมอปลา น้ำฟ้า และกัน จอมพลัง เข้ามาพบที่วัดไผ่ล้อม ขอเปิดใจคุยกัน ซึ่งเป็นการพูดคุยส่วนตัว ไม่ได้เปิดหรือแจ้งให้สื่อมวลชนเข้ามาติดตาม โดยใช้เวลาพูดคุยราว 1 ชั่วโมงเศษ เกี่ยวกับการทำงานของหมอปลา ที่เป็นประเด็นดัง โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเข้าใจกันดีแล้ว การที่หมอปลาติดต่อเข้ามา ก็ยินดีต้อนรับตามที่เคยบอก เขามาตามกระบวนการ ได้เปิดใจคุยกันโดยใช้เหตุผลที่แต่ละฝ่ายมีต่อกัน ซึ่งอาตมาเห็นดีด้วย ที่หมอปลาดูแลพระพุทธศาสนา แต่ต้องทำงานแบบเข้าตามตรอกออกตามประตู ถ้ามีการประสานงานกับสำนักงานพระพุทธศาสนา หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำไปสู่กระบวนการของคณะสงฆ์ ซึ่งถ้ามาปรึกษากันก่อน ก็จะไม่เกิดเรื่องขึ้นแน่นอน ที่ผ่านมาจู่ ๆ อาตมาคงไม่พูดต่อว่าคนนั้นคนนี้ แต่มีโยมมาสอบถาม ก็พูดไปตามที่ถามมาเท่านั้น ซึ่งสิ่งสำคัญคือ หากอาตมาเป็นพระที่ประพฤติเลว ก็คงอยู่ไม่ได้แน่นอน เช่นกัน ถ้าหมอปลาทำความดี อาตมาก็พร้อมจะส่งเสริมสนับสนุนเต็มที่

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อไปว่า เรื่องที่เป็นปัญหา ที่ประชาชนสนใจ คือหน่วยงานที่ประชาชนร้องเรียนไปอาจขับเคลื่อนได้ช้า ไม่ได้ดังใจ ช่องทางของหมอปลาสามารถทำได้รวดเร็วทันใจ ก็ได้รับการยอมรับ จากนี้หากมีการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานรัฐ คณะสงฆ์ เพื่อที่จะจรรโลงพระพุทธศาสนา ก็สามารถทำงานได้แน่นอน บอกได้ว่าวันนี้เราพร้อมผนึกกำลัง ประสานงานในการทำงานร่วมกัน ถ้าหมอปลามีข้อมูลแล้วมานำหารือ อาตมาก็พร้อมเป็นตัวกลางในการประสานงานกับหน่วยงานรัฐ และพระในคณะปกครอง ดำเนินการตรวจสอบได้ เป็นการเข้าตามตรอกออกตามประตูด้วย เรื่องนี้บอกแล้วว่าทำดีน่ะดีแล้ว แต่ผิดวิธี เพราะความจริงก็คือความจริง หนีไม่พ้น เราคุยกันด้วยเหตุผลก็รู้แล้วว่า จะช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาอย่างไร ส่วนตัวไม่เคยมีอคติกับหมอปลามาก่อน ซึ่งหากพระอยู่ในกรอบ ประชาชนก็จะชื่นใจนั่นเอง

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้ขอฝากไปว่า พระเองก็ต้องปรับตัวด้วย ที่สำคัญระดับล่างสุดคือเจ้าอาวาส หากท่านสอดส่องตรวจสอบพระในวัดอย่างเคร่งครัด ก็จะไม่เกิดอธิกรณ์ขึ้น เรื่องก็จะไม่ไปถึงเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด และจะไม่ไปถึงหมอปลาอย่างแน่นอน ตอนนี้ได้ขอประสานหารือจาก พระเทพศาสนาภิบาล เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง เจ้าคณะภาค 14 ว่าจะตั้งคณะทำงานไปตรวจสอบแก้ไขเรื่องดังกล่าว หากได้รับการร้องเรียน และลงพื้นที่ทำงานทันที ซึ่งจะรวดเร็ว และทำให้พุทธศาสนิกชนมั่นใจในคณะสงฆ์ได้แน่นอน

ปนิทัศน์ -  ปณิดา มามีสุข สำนักข่าวเนชั่น จ.นครปฐม