ข่าว

"ชัชชาติ" จับมือ ขอโทษคนขับ "Grab Taxi" ทำสังคมเข้าใจผิดปฏิเสธผู้โดยสาร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เจอกันแล้ว ว่าที่ผู้ว่าฯกทม.แกร่งสุดในปฐพี "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" จับมือขอโทษคนขับ "Grab Taxi" ทำให้เดือดร้อน ชี้ อยากให้คนเข้าถึงเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ เพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภค

จากกรณีในโลกโซเชียล มีการโพสต์คลิป นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. ขึ้นรถแท็กซี่ แต่กลับเดินลงจากรถไปเรียกแท็กซี่คันอื่น ซึ่งหลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า คนขับแท็กซี่คันดังกล่าว ปฏิเสธผู้โดยสาร ซึ่งในคลิปดังกล่าว ปรากฎภาพทะเบียนรถ อย่างชัดเจน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 พ.ค.2565 

 

 

 

 

 

 

 

 

ต่อมากรมการขนส่งทางบก ได้เรียกตัวคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวเข้าชี้แจง โดยเบื้องต้น ทราบว่าคนขับรถแท็กซี่ สีส้ม ทะเบียน ทห 7504 กรุงเทพ ชื่อนายลอง ได้ชี้แจงว่า ในวันเกิดเหตุ ตนไปส่งผู้โดยสาร บริเวณปากซอยจุฬา 12 และมีผู้โดยสารเรียกรถผ่านแอพพลิเคชัน โดยนัดให้รับบริเวณปากซอยจุฬา 14  จึงขับรถไปรอตามนัดหมาย ปรากฎว่าขณะนั้น นายชัชชาติ และผู้ติดตาม เดินมาจากทางด้านหลัง และเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง และบอกว่าไปสวนลุมพินี ตนจึงแจ้งว่า กำลังรอผู้โดยสารที่เรียกจากแอพฯ นายชัชชาติ ก็ตอบว่าไม่เป็นไร และเดินลงไปจากรถ 

 

 

"ชัชชาติ" จับมือ ขอโทษคนขับ "Grab Taxi" ทำสังคมเข้าใจผิดปฏิเสธผู้โดยสาร

 

 

 

 

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" โพสต์ภาพ ยืนจับมือกับคนขับแท็กซี่ พร้อมระบุข้อความว่า  ..


วันนี้ผมมาขอโทษพี่ลอง คนขับ Grab Taxi ที่เป็นข่าว และต้องเดือดร้อนจากคลิปที่ผมขึ้นรถแล้วต้องลง เพราะพี่ลองนึกว่าผมเป็นผู้โดยสารที่เรียก Grab มา โดยกรมขนส่งทางบกเรียกพี่ลองไปสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อวาน

พี่ลองมีลูกสาว 1 คนตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทและทำงานไปด้วยอยู่ที่ระยอง พี่ลองเล่าว่าช่วงโควิดลำบากมาก ส่วนใหญ่ไม่มีลูกค้า บางวันมีแต่ก็น้อยมาก ช่วงนั้นขับได้เฉลี่ยวันละ 300 บาท ค่าเติมแก๊สตกวันละ 200 บาท ที่เหลือหารกับเจ้าของอู่แท็กซี่คนละครึ่ง เหลือใช้วันละ 50 บาท แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้น รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขับ Grab Taxi ที่หักค่าใช้จ่ายต่อวันแล้วเหลือใช้วันละ 500-600 บาท

การทำให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงเทคโนโลยีในสมัยนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น หนึ่งในนโยบายของเราคือการมีอาสาสมัครเทคโนโลยี (อสท.) เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุหรือช่วยเหลือคนในชุมชนเพื่อสนับสนุนด้าน Digital ของประชาชน เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภคได้อีกทาง

ผมขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆทุกคน ในการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการหารายได้ และผ่านวิกฤติโควิดนี้ไปได้ครับ 
 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ