"ดีเอสไอ"บุกยึดทรัพย์ เครือข่ายคดีโกงสหกรณ์ก.เกษตรฯ 300 ล้านบาท

วันที่ 24 พ.ค. 2565 นายไตรยฤทธิ์  เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พันตำรวจตรี ยุทธนา  แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ , นายระวี  อักษรศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ , นายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ , พันตำรวจเอก สมยศ  อุดมรักษาทรัพย์ ผู้กำกับการสน.นางเลิ้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.นางเลิ้ง เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 6 จุด ได้แก่ สถานที่พักอาศัยในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 2 จุด สถานประกอบกิจการภัตตาคารและร้านอาหารในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 2 จุด  สถานประกอบกิจการโรงแรมในจังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 2 จุด เพื่อหาหลักฐานและยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด 

จากการตรวจค้น ทั้ง 6 จุด พบทรัพย์สินประเภทที่ดิน จำนวน 8 แปลง มีเนื้อที่ประมาณ 61 ไร่ , รถยนต์เปอโยต์ รุ่น BIPPER จำนวน 1 คัน , รถยนต์ฮุนได รุ่น H-1 จำนวน 1 คัน , รถยนต์ปอร์เช่ รุ่น คาเยน จำนวน 1 คัน รวมถึงกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู จำนวนมาก รวมมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท โดยดีเอสไอจะได้ทำการขยายผลเพื่อติดตามทรัพย์สินต่อไป

สืบเนื่องจากพนักงานสอบสวนสน.นางเลิ้ง ได้รับคดีอาญาไว้ทำการสอบสวน กรณีมีการทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด อันเป็นความผิดอาญาฐานลักทรัพย์นายจ้าง โดยพบว่ามีการทุจริตเงินสหกรณ์ฯ มากกว่า 600 ล้านบาท กระทำการหลายครั้งลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18)  แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จากการสืบสวนของดีเอสไอ พบว่า มีการนำเงินที่ทุจริตออกจากสหกรณ์ไปซื้อทรัพย์สินประเภทที่ดิน เพื่อประกอบกิจการรีสอร์ท บ้านพัก ภัตตาคาร ร้านอาหารหลายแห่ง รถยนต์หรูและทรัพย์สินอื่นอีกจำนวนมาก โดยยังพบว่ามีการนำไปลงทุนซื้อหลักทรัพย์หรือหน่วยลงทุนอื่นด้วย จึงเป็นพฤติการณ์ที่เข้าข่ายการเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน เพื่อปกปิดแหล่งที่มา อันเป็นความผิดฐานฟอกเงิน ตามมาตรา 5 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542  และเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอจึงได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 237/2565 เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนและยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด โดยจะได้มีการสืบสวนสอบสวนและขยายผลดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป