ข่าว

สนค. เปิดผลการศึกษา "CLMVT Forum" หวังเป็นศูนย์กลางห่วงโซ่ของโลกแห่งใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สนค. เผย การศึกษาผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุนบ่งชี้ชัด รัฐลงทุนจัดงาน "CLMVT Forum" เกิดผลผลิตสร้างคุณค่าคืนสู่สังคมสูง 4.49 เท่า และ "CLMVT" มีโอกาสเป็นฐานการผลิตสินค้า และศูนย์กลางห่วงโซ่อุปทานโลกแห่งใหม่

สนค. กระทรวงพาณิชย์  ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ คณะเศรษฐศาสตร์  ม.เกษตรศาสตร์ จัดสัมมนาออนไลน์เผยแพร่ผลศึกษา "โครงการ CLMVT Forum" ผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุนและการเสวนา “โอกาสใน CLMV สำหรับผู้ประกอบการไทย” เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยได้รับเกียรติจากนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา และมี ผศ.ดร.มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์และหัวหน้าโครงการศึกษาฯ ดำเนินการสัมมนา

 

ส่วนวิทยากรประกอบด้วย รศ.ดร.นิสิต พันธมิตร หัวหน้าศูนย์อาเซียนศึกษาและอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เชียงใหม่ และนายจิรวัฒน์ เดชาเสถียร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย การตลาดและการจัดการค้าปลีกค้าส่งในภูมิภาคอาเซียน มีผู้เข้าร่วมรับฟังการสัมมนารวมกว่า 250 คน  

 

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เปิดเผยว่า สนค.ริเริ่มจัดงาน "CLMVT Forum"  มาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อเป็นเวทีหารือ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านนโยบายและข้อเสนอแนะระหว่างผู้แทนระดับสูงภาครัฐ ภาคเอกชนและภาควิชาการในภูมิภาค ภายใต้หัวข้อหลักที่เป็นประเด็นทางเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญและได้รับความสนใจในวงกว้างในขณะนั้น

 

ที่ผ่านมา "CLMVT Forum" ได้สร้างผลสัมฤทธิ์ซึ่งเป็นประโยชน์หลายประการที่เป็นข้อเสนอ เช่น การใช้ประโยชน์ทุนมนุษย์เพื่อให้มีขีดความสามารถใช้ประโยชน์ทางการค้าในยุคดิจิทัล การบ่มเพาะและสร้างผู้ประกอบการสตาร์ทอัพเพื่อให้เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่อุปทานของโลกแห่งใหม่ โดยเฉพาะเมื่อวิกฤติโควิด-19 และสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั้งระบบของโลก

       สนค. เปิดผลการศึกษา  "CLMVT Forum" หวังเป็นศูนย์กลางห่วงโซ่ของโลกแห่งใหม่

 

ในปีงบประมาณ 2565 สนค.จึงร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ดำเนินการศึกษา "โครงการ CLMVT Forum"  และผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุนเพื่อประเมินผลสำเร็จของโครงการและผลการดำเนินงานต่อเนื่องตั้งปี 2559 -2564 ว่าสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชน เศรษฐกิจและสังคมของประเทศมากน้อยเพียงใด มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการใช้เงินงบประมาณหรือไม่ โดยข้อมูลจากการศึกษาและข้อเสนอแนะจากโครงการจะช่วยให้ สนค. สามารถปรับปรุงพัฒนาแนวทางการจัด CLMVT Forum  ครั้งต่อ ๆ ไปในอนาคต  นายรณรงค์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

 

ผศ.ดร.มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร   อ.ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (SROI) เป็นวิธีการประเมินผลลัพธ์และคุณค่าทางสังคม ที่พัฒนามาจากหลักการประเมินประโยชน์เทียบกับต้นทุนซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ที่นิยมใช้ประเมินการลงทุนสาธารณะของรัฐบาลและ ผลการศึกษากรณีงาน CLMVT Forum ระบุว่า ผู้ที่เคยเข้าร่วมงาน สามารถนำผลลัพธ์ไปสร้างรายได้ การค้า การลงทุน ประเมินเป็นมูลค่าได้ถึง 308 ล้านบาท และการลงทุนใน CLMVT Forum รวมทั้งโครงการต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนต่อสังคมสูงถึง 4.49 เท่าของมูลค่าการลงทุน  

ขณะเดียวกัน "กลุ่มประเทศ CLMVT" ยังได้ประโยชน์ร่วมกันอีกอย่างน้อย 4 ประการ ได้แก่ (1) เกิดความร่วมมือทางธุรกิจเป็นรูปธรรม (2) ประหยัดค่าใช้จ่ายในการหาข้อมูลและคู่ค้า (3)ได้รับข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้สถานการณ์เศรษฐกิจและเปิดมุมมองใหม่ และ (4) เสริมสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ

 

ทั้งนี้ผลศึกษามีข้อเสนอแนะว่า "CLMVT Forum"  ควรอยู่ภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศหรือดำเนินการในรูปแบบเดียวกับ World Economic Forum แต่อยู่ในระดับภูมิภาคอาเซียนโดยให้สมาชิกหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพและควรมีกิจกรรมหรือโครงการติดตามผลต่อเนื่องมากกว่าปีละ1 ครั้ง ตลอดจนจัดให้มีการแสดงสินค้า การนำเสนอนวัตกรรมใหม่  นำเสนอแผนธุรกิจใหม่ การจับคู่ทางธุรกิจโดยอาจใช้ภาษาท้องถิ่นได้ในบางกิจกรรม

 

ด้าน รศ.ดร.นิสิต พันธมิตร หัวหน้าศูนย์อาเซียนศึกษาและอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เชียงใหม่กล่าวถึง โอกาส CLMV สำหรับผู้ประกอบการไทย  ว่า สถานการณ์ในประเทศของเมียนมาทำให้การค้าขายกับไทยลดลง เนื่องจากสินค้าไทยไปถึงมือผู้บริโภคยากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ สปป.ลาว เป็นประเทศเล็ก ประชากรมีไม่มาก มีรายได้หลักจากท่องเที่ยว เมื่อเกิดผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ สินค้าทุกอย่างแพงขึ้น สินค้าฟุ่มเฟือยต่าง ๆ ไม่เป็นที่สนใจของตลาด ซึ่งสถานการณ์ในลักษณะนี้ก็เกิดขึ้นในกัมพูชาแต่เวียดนามกลับมีสัญญาณบวกและเป็นประเทศที่น่าจับตามอง
     

ส่วน นายจิรวัฒน์ เดชาเสถียร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย การตลาดและการจัดการค้าปลีกค้าส่งในภูมิภาคอาเซียนมองว่า จำนวนประชากรสำคัญต่อการขยายตัวการค้าเพราะใน "CLMV" มีประชากรรวมถึง 180 ล้านคน และโอกาสของสินค้าไทยยังมีมากแต่ทุกประเทศมีอุปสรรคจากปัจจัยภายในแตกต่างกันไป เช่น เวียดนามเป็นตลาดที่น่าสนใจของสินค้าเด็ก แต่ต้องเข้าใจช่องทางและเงื่อนไขการขายและจัดจำหน่าย 

 

“CLMVT Forum" เป็นผลผลิตจากเงินงบประมาณของรัฐที่สามารถสร้างผลประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม สนค.หวังว่า การดำเนินงานในเรื่องนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของกลไกที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ภายในประเทศ จนมั่นคงและขยายผลต่อยอดไปสู่ภูมิภาค CLMVT อาเซียน และระบบเศรษฐกิจของโลกได้   รณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวในตอนท้าย 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ