ข่าว

เตือน ใช้ "เหรียญบาท"ได้สูงสุดครั้งละเท่าไร ไม่ผิดกฎหมาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เตือน จ่ายเหรียญได้สูงสุดครั้งละเท่าไร ถึงไม่กลั่นแกล้ง ไม่ผิดกฎหมาย หลังมีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ประเด็นเหรียญ 1 บาทใช้จ่ายได้ไม่เกินครั้งละ 500 เหรียญ ว่า ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ตรวจสอบกับทางสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง ตามกฎหมายได้กำหนดให้เหรียญ 1 บาท ใช้ชำระหนี้ได้ในจำนวนคราวละไม่เกิน 500 บาท 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการชำระหนี้ด้วย “เหรียญกษาปณ์” จะสามารถใช้เหรียญชำระหนี้ได้คราวละไม่เกินเท่าไร
– เหรียญ 25 หรือ 50 สตางค์ ชำระหนี้ได้คราวละไม่เกิน 10 บาท
– เหรียญ 1 บาท ชำระหนี้ได้คราวละไม่เกิน 500 บาท
– เหรียญ 2 บาท ชำระหนี้ได้คราวละไม่เกิน 500 บาท
– เหรียญ 5 บาท ชำระหนี้ได้คราวละไม่เกิน 500 บาท
– เหรียญ 10 บาท ชำระหนี้ได้คราวละไม่เกิน 1,000 บาท

เตือน ใช้ "เหรียญบาท"ได้สูงสุดครั้งละเท่าไร ไม่ผิดกฎหมาย

ทั้งนี้จุดประสงค์ของการกำหนดจำนวนเหรียญที่ใช้ชำระแต่ละครั้งตามข้างต้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกลั่นแกล้งกันซึ่งหากมีการใช้เหรียญชำระหนี้ต่างๆ ในจำนวนที่เกินจากที่กฎหมายกำหนด ผู้รับมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธโดยไม่มีความผิดตามกฎหมาย
ในกรณีที่ออมเงินไว้เป็นเงินเหรียญจำนวนมาก สามารถฝากเงินที่ธนาคารต่างๆ ก่อนถอนออกมาชำระหนี้หรือชำระหนี้กับธนาคารได้โดยตรง โดยอาจมีค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละธนาคาร นอกจากการฝากเงินด้วยเหรียญหรือชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ธนาคารแล้ว ยังมีช่องทางของ “กรมธนารักษ์” หรือโทรศัพท์ติดต่อ : 02-834-8300 ในกรณีที่มีเหรียญจำนวนมาก สามารถติดต่อขอแลกเหรียญได้ที่ สำนักบริหารเงินตรา กรมธนารักษ์

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจัง


ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน 
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ