"นายกฯ"พอใจ"ก.ยุติธรรม"ปราบยา “สมศักดิ์”ขู่นักค้ายาเลิกซะ รัฐบาลเอาจริง

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 65 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด การติดตามผลการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พร้อมรับทราบรายงานการปฏิบัติการ “ยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด “ ครั้งที่ 1/2565  โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม  น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. และผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายกับทาง ป.ป.ส.ย้ำแก้ปัญหาผู้เสพต้องมองผู้เสพเป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาบำบัดฟื้นฟู และเปิดช่องให้นำยาเสพติดไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และงานวิจัยในทางที่ถูกต้อง และขอให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่รับสินบน เพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ทำลายเครือข่ายและขจัดภัยร้ายแรงที่บ่อนทำลายประเทศชาติให้สิ้นซาก ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ายึดทรัพย์คดียาเสพติดที่ไว้ 1 หมื่นล้านบาท และขณะนี้ เพิ่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี ก็สามารถดำเนินการยึดทรัพย์ไปแล้วกว่า 8 พันล้านบาท ผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ การแก้ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายสมศักดิ์ ระบุว่า วันนี้เป็นวันสำคัญ เพราะนายกรัฐมตรีมาตรวจการบ้าน หลังมีกฎหมายยาเสพติดใหม่ เพื่อช่วยเรื่องการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด ดังนั้นเป้าหมายการยึดทรัพย์ในปี2565 จำนวน1 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะขณะนี้ระยะเวลาผ่านมา 231 วัน ยึดทรัพย์ได้แล้ว 8,453 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 85 แบ่งเป็น ของป.ป.ส. 3,988 ล้านบาท ของคณะทำงานพาลีปราบยา 1,380 ล้านบาท และยึดทรัพย์ที่จะได้จากการปฎิบัติการในวันนี้ 3,084 ล้านบาท 

ส่วนปีที่ผ่านมารัฐบาลตั้งเป้ายึดทรัพย์ 6,000 ล้านบาท แต่ก็สามารถยึดทรัพย์ได้เกินเป้ากว่า 7,000 ล้านบาท แตกต่างจากรัฐบาลก่อนหน้า ทำได้ไม่เกิน 600 ล้านบาท 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ข้อดีของประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่นี้ คือ จากเดิมที่จะมีการยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาตามที่ปรากฎ แต่กฎหมายใหม่ที่บังคับใช้สามารถยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ตามข้อมูลของผู้ต้องหาว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับยาเสพติดมาตั้งแต่เมื่อใด เช่น หากเกี่ยวข้องมา 10 ปี ก็จะยึดย้อนหลังไป 10 ปี ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม รวมถึงมีรางวัลนำจับในคดียาเสพติดด้วย ซึ่งมีมากถึง 30% ของมูลค่าทรัพย์ที่ยึดได้ โดย 25% เป็นของเจ้าหน้าที่ผู้สืบสวนและทำคดี และ อีก 5% เป็นของผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งมีมูลค่าถึง 500 ล้านบาท ตรงนี้ถือเป็นการดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปราบปรามยาเสพติดให้ช่วยแจ้งเบาะแส  และที่ผ่านมาหากคดียังไม่สิ้นสุด ก็ยังไม่สามารถให้รางวัลนำจับได้ และถ้าผู้ต้องหาชนะคดีอาญา ทรัพย์สินที่อายัดไว้ก็จะต้องคืนให้กับผู้ต้องหาทั้งหมด แต่กฎหมายใหม่จะแยกคดีทรัพย์กับคดีอาญาออกจากกัน ผู้ต้องหาจะแพ้หรือชนะคดีอาญาก็ไม่มีผลกับการตรวจสอบยึดทรัพย์ หากผู้ต้องหาไม่สามารถชี้แจงทรัพย์สินที่มีอยู่ได้ ก็จะยึดเข้ากองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทันที ในคดีทรัพย์ใช้เวลาไม่เกิน 2 ปี ก็จะสามารถยึดทรัพย์สินได้ ซึ่งจะสามารถให้เงินรางวัลนำจับได้รวดเร็วกว่าเดิม

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ผู้ค้ายารีบเลิก เพราะเรามั่นใจว่า จะปราบปรามยาเสพติดได้แบบเชิกรุก และเรามั่นใจได้ว่า ไม่มีข้าราชการคนใด จะช่วยขบวนการค้ายา เพราะเรามีรางวัลนำจับให้เจ้าหน้าที่

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการมอบเงินรางวัลให้แก่หน่วยงานที่ดำเนินการขยายผลยึดทรัพย์สิน และการเตรียมขายทอดตลาดทรัพย์สินคดียาเสพติดกว่า 2,000 รายการ เช่น เรือยอร์ช , นาฬิกาหรู , พระเครื่อง , ทองคำ , โมเดลการ์ตูน และทรัพย์สินต่างๆ อีกหลายรายการอีกด้วย