ข่าว

จับลูกชายอธิการบดีมรภ.จับสาวเรียกค่าไถ่

จับลูกชายอธิการบดีมรภ.จับสาวเรียกค่าไถ่

10 มี.ค. 2553

ตำรวจสืบสวนห้วยขวาง รวบอดีตหนุ่มนักเรียนนอก ลูกชายอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ จับ"สาวไทยใหญ่"เรียกค่าไถ่รีดเงิน 2 แสน อ้างแค้นฝังใจ เคยถูกเมียไทยใหญ่ หลอกจนหมดตัว

(10มี.ค.) เวลา 12.00 น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสัวสดิ์ รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านการสืบสวน พร้อม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บัง คับการตำรวจนครบาล 1 แถลงผลตำรวจสืบสวน สน.ห้วยขวาง จับกุมนายธนบดี หรือเอ็ม นิลพันธุ์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/2 ม.3 ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม และนายยุทธนา หรือเต้ พุฒนาค อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/98 ม.4 ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พร้อมของกลางหลายรายการ ประกอบด้วย 1.ยาสลบชนิดน้ำ 2 ขวด 2.เข็มฉีดยา 1 อัน 3.ถุงมือผ้าสีขาว 1 คู่ 4.เทปกาวสีน้ำตาล 1 ม้วน 5.ผ้าสีดำติดด้วยเทปกาว 1 ผืน 6.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ จำนวน 5 เครื่อง 7.สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 เส้น 8.พระเลี่ยมทอง 1 องค์ 9.บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ 10.รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กฉ 2499 นครปฐม 1 คัน และ11.รถยนต์ยี่ห้อ เบ้นซ์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กฉ 5048 นครปฐม อีก 1 คัน จับกุมตัวทั้งสองได้ภายในห้องเลขที่ 105 โรงแรมวู้ดดี้ โมเต็ล จ.นครปฐม

 พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้รับแจ้งจากเพื่อนของ น.ส.กิ๊ฟ ผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. ที่ผานมา โดยมีชายคนหนึ่งใช้เบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหายโทรเข้ามาหา พร้อมกับบอกว่าผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมอยู่ที่พัทยาในข้อหาเสพยาเสพติด ให้โอนเงิน จำนนวน 200,000 บาท ไปให้เพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยโทรเข้ามาข่มขู่หลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า ก่อนที่ผู้เสียหายจะหายตัวไปได้เดินทางไปกับนายธนบดี ซึ่งมีบ้านพักอยู่ที่จ.นครปฐม จึงได้ประสานไปยังฝ่ายสืบสวนสภ.นครชัยศรี เพื่อหาเบาะแสอย่างละเอียด จนกระทั่งทราบว่านายธนบดีพักอยู่ที่โรงแรมวู๊ดดี้ จึงนำกำลังเข้าตรวจค้น

 พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวอีกว่า จากการตรวจค้นพบรถยนต์ของกลางของผู้ต้องหาจอดอยู่ด้านหน้า ภายในห้องพบผู้เสียหายนอนห่มผ้าอยู่เมื่อเปิดออกดูพบว่าถูกผูกผ้าปิดตาไว้ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายธนบดีและนายยุทธนา พร้อมของกลางเอาไว้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ นายท็อป(ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) หลบหนีไปได้ จาการสอบสวนทราบว่านายธนบดีเป็นคนวางยาสลบผู้เสียหาย เพื่อจับตัวมากักขังและเรียกค่าไถ่ โดยระหว่างที่ผู้เสียหายถูกกักขังได้ถูกนายยุทธนาบังคับให้ใช้มือและปากสำเร็จความใคร่ให้อีกด้วย

 ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายธนบดี พบว่า เป็นบุตรชายของอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง ส่วนมารดามีอาชีพรับราชการ มีฐานะดีและมีหน้าตาทางสังคม ส่วนนายยุทธนามีอาชีพทำงานก่อสร้าง หลังจากนี้จะเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีให้ได้โดยเร็ว เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น,ปล้นทรัพย์,ร่วมกันกรรโชกทรัพย์และเรียกค่าไถ่,ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น,ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น,และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

 จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า ก่อนหน้านี้ตนเรียนจบชั้น ป.6 จากนั้นเดินทางไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียแต่เรียนไม่จบจึงกลับมาร่วมหุ้นกับเพื่อน เปิดร้านอินเตอร์เน็ต แต่หลังจากที่เพื่อนไปเรียนต่อตนก็เปิดร้านอีกไม่กี่ปี ก่อนจะตัดสินใจขายร้าน ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำงานอะไร พ่อแม่ให้เงินใช้เดือนละ 10,000 บาท ตนรู้จักกับผู้เสียหายซึ่งเป็นสาวชาวไทยใหญ่ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง โดยมีคนแนะนำให้รู้จัก จากนั้นตนและผู้เสียหายได้ติดต่อคบหากันเรื่อยมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปี แต่ไม่ได้จริงจังถึงขั้นเรียกว่าแฟน ก่อนเกิดเหตุตนได้พาผู้เสียหายไปพักที่บ้านในจ.นครปฐม จากนั้นก็พามาส่งที่หอพักในกรุงเทพฯ แต่ตนวางแผนเรียกค่าไถ่ร่วมกับนายยุทธนา ซึ่งเป็นรุ่นน้องแถวบ้านโดยการฉีดยาสลบใส่ในกล่องน้ำผลไม้ ให้ผู้เสียหายดื่ม เมื่อผู้เสียหายสลบก็พาไปกักขังที่ทาวน์เฮ้าส์ ในจ.นครปฐม ซึ่งเป็นของนายท็อป

 นายธนบดี กล่าวว่า ระหว่างผู้เสียหายถูกกักขังตนหลบซ่อนตัวไม่ให้ผู้เสียหายเห็น เพราะกลัวจะจำหน้าได้ จะให้รุ่นน้องกับผู้ต้องหาอีกคนที่ยังหลบหนีคอยเฝ้าอยู่ ส่วนตนเป็นคนโทรศัพท์ไปหาเพื่อนของผู้เสียหาย เพื่อให้โอนเงินมาให้ แต่ก็ยังไม่ได้เงิน จนกระทั่งผ่านมาหลายวันและมาถูกตำรวจจับกุมตัวในที่สุด ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปก็เพราะว่าต้องการนำเงินไปใช้หนี้เพื่อที่ยืมมา ประกอบกับก่อนหน้านี้ตนเคยแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นคนไทยใหญ่แต่ถูกหลอกจนหมดตัว ทำให้รู้สึกฝังใจเรื่อยมาและอคติกับผู้หญิงไทยใหญ่มาตลอด โดยเฉพาะกลุ่มพวกที่ทำงานตามสถานบันเทิงและสถานบริการอาบอบนวด จนมาเจอผู้เสียหายจึงอยากแก้แค้นจึงวางแผนกับพวกที่ถูกจับกุมและหลบหนีไปได้ 1 คนก่อเหตุดังกล่าว และยอมรับว่าทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อยากขอโทษพ่อแม่และครอบครัวด้วย