"ลดภาษีสรรพสามิต" 5บาท "เพื่อไทย" แนะทางแก้ปัญหา "น้ำมันแพง"

พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจห่วงว่าหากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะผันผวนสูงจาก เงินเฟ้อที่พุ่งสูง อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งผลกระทบต่อเนื่องจากสงครามรัสเซียยูเครน และปัญหา Supply chain ของโลก ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าจะฉุดกระชากเศรษฐกิจโลกให้เศรษฐกิจโลกกลับมาตกต่ำได้ โดยมีสัญญาณและปัจจัยหลายด้านเช่น การที่สหรัฐต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มสูงถึง 8.3% ในเดือนเมษายน อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาถดถอยได้ โดยเริ่มมีสัญญาณที่น่ากังวลคือ Inverted Yield Curve ที่ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว

สัญญาณนี้ หมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งประเทศไทยต้องเตรียมรับมือและยังต้องจัดการเรื่องราคาพลังงานให้เหมาะสม เช่น ราคาน้ำมันแพง ต้องรีบลดภาษีสรรพสามิต 5 บาทหรือมากกว่านั้น ยกเลิกการผสมไบโอดีเซล และ ลดราคาหน้าโรงกลั่นให้เท่าราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ อีกทั้งจัดการราคาค่าไฟฟ้าให้ลดลง โดยลดค่าความพร้อมของโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ผลิตไฟฟ้า และ ลดกำไรของค่าไฟฟ้าลงเพื่อช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งลดราคาก๊าซหุงต้มที่ใช้สำหรับครัวเรือนให้มีราคาลดลง ซึ่งทำได้เพราะประเทศไทยสามารถขุดได้ในอ่าวไทย และจากการกลั่นน้ำมัน

จักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์โควิดในประเทศไทยเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวจะเป็นการช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด และจะเป็นกระขายรายได้อย่างมีประสิทธิภาพเข้าถึงประชาชนในวงกว้าง ทำให้ประชาชนมีรายได้และเพิ่มการจ้างงานที่เป็นปัญหาอย่างมากอยู่ จึงไม่อยากให้พลเอกประยุทธ์สับสนในการดำเนินนโยบายท่องเที่ยว หากจำกันได้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์มีแนวคิดจะแจกเงินให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยในต้นปี 2563 ในโครงการ “ชิมช็อปใช้ อินเตอร์” ขณะนั้นการท่องเที่ยวของไทยก็ยังไม่แย่นัก  แต่ถูกตำหนิเลยต้องเลิกไป ในขณะที่การท่องเที่ยวไทยยังไม่ฟื้นแต่กลับจะเก็บเงินค่าเหยียบแผ่นดินกับนักท่องเที่ยวคนละ 300 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งมาก และอยากให้ยกเลิกค่าเหยียบแผ่นดินนี้โดยด่วน