ข่าว

รมต.เกษตรฯ พร้อมเดินหน้ารับมือ "ฤดูฝน" ปี 2565 อย่างเต็มศักยภาพ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รมต.เกษตรฯ เฉลิมชัย ศรีอ่อน แถลงผลการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 เป็นไปตามแผน พร้อมเดินหน้ารับมือ "ฤดูฝน" ปี 2565 อย่างเต็มศักยภาพ

9 พ.ค.65  ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าว สรุปการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 และเตรียมรับมือ "ฤดูฝน" ปี 65 โดยมีนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน น.ส. ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาและผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมการแถลงข่าว ณ ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน 

 

จากนั้นได้ปล่อยคาราวานเครื่องจักรกลและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ประจำอยู่ที่ศูนย์บริหารเครื่องจักรกลที่1- 7 ของสำนักเครื่องจักรกลกรมชลประทาน จำนวนรวม 5,382 หน่วย ผ่านระบบ Video Conference เพื่อเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศตลอดช่วง "ฤดูฝน" นี้ 

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมาโดยมีการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศการเกษตร รวมไปถึงการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้ง โดยปฏิบัติตามมาตรการรองรับสถานการณ์การขาดแคลนน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 ทั้ง 8 มาตรการครบถ้วนและยังมีปริมาณน้ำสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วง "ต้นฤดูฝน" ปี 2565 ด้วย 
 

    รมต.เกษตรฯ พร้อมเดินหน้ารับมือ "ฤดูฝน" ปี 2565 อย่างเต็มศักยภาพ

 

สำหรับการจัดสรรน้ำภาพรวมทั้งประเทศ พบว่ามีการใช้น้ำไปทั้งสิ้น 23,000 ล้าน ลบ.ม. (แผนจัดสรรน้ำทั้งประเทศจัดสรรไว้รวมทุกกิจกรรม 22,280 ล้าน ลบ.ม. สำรองน้ำต้นฤดูฝน 15,557 ล้าน ลบ.ม.) เกินแผนที่ตั้งไว้เล็กน้อย

 

ด้านผลการเพาะปลูกฤดูแล้งทั้งประเทศ มีการเพาะปลูกรวมกว่า 8.11 ล้านไร่ (จากแผนที่วางไว้ 6.41 ล้านไร่) ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าปีนี้กรมชลประทานส่งน้ำเกินแผนไปประมาณ 700 ล้าน ลบ.ม. ทำให้เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งได้อีก 1.7 ล้านไร่ ซึ่ง 2 - 3 ปีก่อนหน้านี้ได้ขอความร่วมมือเกษตรกรให้ชะลอการทำนาปรัง เนื่องจากมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอ

รมต.เกษตรฯ พร้อมเดินหน้ารับมือ "ฤดูฝน" ปี 2565 อย่างเต็มศักยภาพ

 

แต่ในฤดูแล้งที่ผ่านมา กรมชลประทานสามารถบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ได้อย่างเต็มศักยภาพ ด้วยการจัดสรรน้ำอย่างประณีต ทำให้เกษตรกรในเขตชลประทานมีรายได้จากการเพาะปลูกพืชส่วนน้ำสำรอง "ต้นฤดูฝน" ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะต้องสำรองประมาณ 15,557 ล้าน ลบ.ม. ปรากฏว่าในวันเริ่มต้น "ฤดูฝน" วันที่ 1 พ.ค. 65 มีน้ำต้นทุนอยู่ 19,950 ล้าน ลบ.ม. มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 4,393 ล้านลบ.ม. ถือว่าเป็นกำไร

นอกจากนี้ยังได้ดำเนินโครงการจ้างแรงงานชลประทานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงฤดูแล้งที่จนถึงขณะนี้มีการจ้างงานไปแล้วกว่า 74,000 คน 

 

ในส่วนแผนการจัดสรรน้ำและการเพาะปลูกพืชฤดูฝนปี 2565 กรมชลประทาน ได้วางแผนบริหารจัดการน้ำโดยส่งเสริมการปลูกพืช "ฤดูฝน" ให้ใช้น้ำฝนเป็นหลักและใช้น้ำชลประทานเสริมกรณีฝนทิ้งช่วงหรือปริมาณฝนตกน้อยกว่าคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา

 

ที่สำคัญได้วางแผนบริหารจัดการน้ำภายใต้มาตรการรับมือ "ฤดูฝน" ปี 2565 ทั้ง 13 มาตรการ ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยได้เตรียมการรับมือปัญหาอุทกภัย ด้วยการกำหนดวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ปริมาณน้ำในลำน้ำ กำหนดคน กำหนดผู้รับผิดชอบในพื้นที่ต่าง ๆ ที่อาจจะได้รับผลกระทบ รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานจังหวัดให้ร่วมกันติดตามและวิเคราะห์หรือคาดการณ์สถานการณ์น้ำในลำน้ำ การจัดสรรทรัพยากร เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องจักรกล รถขุดรถแทรกเตอร์ หรือเครื่องมือต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา 

 

กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพเพื่อให้ประชาชนและเกษตรกร ได้มีน้ำใช้ในทุกกิจกรรมตลอดทั้งปีตามศักยภาพที่มีอยู่และสิ่งสำคัญมุ่งเน้นนอกเหนือจากการบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังมุ่งหวังให้สามารถบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้ได้มากที่สุดด้วย ปัจจัยสำคัญคือบุคคลากรและเครื่องไม้เครื่องมือที่จะต้องมีความพร้อมตลอดเวลา

 

ทั้งนี้การดำเนินงานต่าง ๆ ของกรมชลประทานจะสำเร็จไม่ได้เลย หากขาดความร่วมมือร่วมใจจากประชาชน เกษตรกร รวมถึงทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำให้การบริหารจัดการน้ำสำเร็จตามแผนที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมุ่งหวังให้ประชาชนใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เพื่อการใช้น้ำได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต ดร.เฉลิมชัย กล่าว
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ