ผู้ว่าฯ ลำปาง ส่งทีมถกโรงงาน"สับปะรด" ประจวบฯ ขอโควตา 3 หมื่นตัน แก้ล้นตลาด

7 พ.ค.2565   ที่ ศาลาเอนกประสงค์ บ้านทรายทอง หมู่ 10 ต.บ้านเสด็จ อ.เมืองลำปาง นายสิธิชัย จินดาหลวง  ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  พร้อมด้วยนางสาวรตนพร กิติกาศ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง นางณิชรัศม์ แลวงค์นิล ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง  ว่าที่ร้อยตรี อรุณศักดิ์ ปัญญายืน นายก อบต.บ้านเสด็จ  และส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่พบปะกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด บ้านทรายทอง เพื่อพูดคุยถึงแนวทางบริหารจัดการสับปะรด จ.ลำปาง  พร้อมการแก้ไขปัญหาสับปะรดล้นตลาดในช่วงเดือน พ.ค.ถึงเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากถึง 46,000 ตัน

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า เราได้มีการคาดการณ์ผลผลิตสับปะรด ซึ่งทราบว่าจะต้องประสบปัญหา และต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เนื่องจากในปีนี้พบว่ามีพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา  คาดว่าราว 46,000 ตัน  ส่วนใหญ่เป็นสับปะรดส่งโรงงาน ส่วนสับปะรดผลสดเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

“ปีนี้บอกตรง ๆ ว่าเกษตรกรจะต้องเจ็บตัว แต่เราจะทำให้เจ็บตัวน้อยที่สุด แต่ขออย่าไปประท้วงร้องเรียนเพราะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง  ไม่อยากให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแก่จังหวัด  ความเดือดร้อนของเกษตรกรเราเข้าใจ ปัญหาต่างๆต้องช่วยกันแก้ไข หากต้องการให้ช่วยเหลืออะไรขอให้บอกเพื่อช่วยกันหาแนวทาง จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเต็มที่”

 

 

 

 

ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวอีกว่า เรื่องที่จะช่วยเหลือเร่งด่วนอันดับแรกคือ วันจันทร์ที่ 9 พ.ค.นี้ นายจำลักษ์ กันเพ็ชร รองผู้ว่าฯ จะนำทีมเข้าไปเจรจากับโรงงานรับซื้อที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอโควตารับซื้อสับปะรดของ จ.ลำปาง ให้มากที่สุดเท่าที่ช่วยได้  

 

ส่วนในพื้นทีได้ขอความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน ตลาดต่างๆ เปิดพื้นที่ให้เกษตรกรได้นำสับปะรดผลสดไปจำหน่าย และยังได้ขอความร่วมมือทุกส่วนราชการ โรงพยาบาล เรือนจำ ค่ายทหาร โรงเรียนตำรวจ และมหาวิทยาลัย เป็นต้น ในการช่วยอุดหนุนสับปะรดของจังหวัดลำปาง เพื่อบรรเทาปัญหาสับปะรดล้นตลาด นอกจากนั้นยังได้ประสานงานกับทีมประชาสัมพันธ์และสมาคมผู้สื่อข่าวนครลำปาง ได้ช่วยกันประชาสัมพันธ์รณรงค์การรับประทานสับปะรดลำปาง สนับสนุนการซื้อผลไม้ลำปาง  

 

 

 

 

 

นายสิธิชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางในอนาคตอาจจะมีการลดการปลูกสายพันธุ์ปัตตาเวีย และส่งเสริมการปลูกสายพันธุ์อื่น เช่น MD2 LP1 LP2 ที่ทานผลสดได้และขายได้ราคาดี โดยเฉพาะตลาดทางภาคเหนือ ถ้าสับปะรดมีคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอจะทำให้ขายได้ทั้งปี

 

 

 

ด้านนางสาวรตนพร กิติกาศ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง กล่าวเพิ่มเติมว่า  ในปีนี้คาดการณ์ผลผลิต 46,000 ตัน เป็นสับปะรดนอกฤดู 7,000 ตัน ส่วนที่เหลือ 38,000 ตัน เป็นสับปะรดในฤดู ช่วงที่ผลผลิตออกสูงที่สุดจะเป็นช่วงปลายเดือน พ.ค. ถึงต้นเดือน มิ.ย. ประมาณ 37,000 ตัน ซึ่งเป็นสับปะรดโรงงาน  จึงได้ประสานงานกับโรงงานใน จ.ประจวบฯ ขอโควตาสับปะรดลำปาง ตั้งเป้าไว้ที่ 30,000 ตัน  

 

สิ่งสำคัญคือเกษตรกรจะต้องรักษาคุณภาพ โดยการคัดเลือกผลที่ดีให้โรงงาน เพราะมีการติงว่าสับปะรดลำปางยังไม่ได้คุณภาพ นอกจากนี้จะมีการพูดคุยเรื่องราคารับซื้อ  ทราบว่าต้นทุนการผลิตของเกษตรกรอยู่ที่กิโลกรัมละ 5.30 บาท แต่ราคารับซื้อเพียงกิโลกรัมละ 4.50 บาท ต่ำกว่าต้นทุนแล้ว ต้องหาทางให้เกษตรกรอยู่ได้ และขอราคาที่เกษตรไม่เดือดร้อนคือราคาหน้าสวนกิโลกรัมละ 6 บาท โรงงานจะต้องรับซื้อกิโลกรัมละ 7.50 บาท  ซึ่งผลการเจรจาจะเป็นอย่างไรยังไม่ทราบได้เป็นการตั้งเป้าไว้ก่อน ขอให้เกษตรกรรอฟังผลอีกครั้ง 

 

ภาพ - ข่าว    ขวัญสุริยัน ศรีวิกูล   ผู้สื่อข่าวจังหวัดลำปาง