"โรคเอดส์" กินยาไม่ครบ รักษาไม่ต่อเนื่อง เสี่ยงพบสิ่งนี้ ทำให้เสียชีวิตได้

"หมอมนูญ" นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ยกเคสผู้ป่วยรายหนึ่ง ป่วยเป็น "โรคเอดส์" แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่อง กินยาไม่ครบ พบปัญหาใหญ่ตามมา

โดยผู้ป่วยรายนี้ เป็นผู้ชายอายุ 44 ปี เมื่อ 4 ปีก่อนมีอาการไข้ ไอ เหนื่อย ตรวจพบว่าติดเชื้อรา PCP ในปอด และป่วยเป็น "โรคเอดส์" ให้ยารักษาเชื้อรา PCP ยาต้านไวรัสเอชไอวี ผู้ป่วยดีขึ้น สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ แต่ 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยกินยาต้านไวรัสไม่ครบ กินบ้างหยุดบ้าง ในที่สุดเชื้อเอชไอวีดื้อยา ต้องเปลี่ยนยาต้านไวรัส แต่ผู้ป่วยก็ยังกินบ้างหยุดบ้างเหมือนเดิม

มารักษาครั้งสุดท้ายด้วยเรื่องถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน อ่อนเพลีย กินอาหารไม่ได้ น้ำหนักลด เป็นสัปดาห์ เจาะเลือด เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือดต่ำมาก ส่งอุจจาระย้อมเชื้อวัณโรคพบ 3+ อุจจาระเพาะเชื้อวัณโรค ขึ้นเชื้อวัณโรคเทียม Mycobacterium avium ตรวจไขกระดูกพบเชื้อวัณโรคเทียม non-necrotizing epitheloid granuloma containing numerous acid fast bacilli

สรุป : เชื้อวัณโรคเทียม Mycobacterium avium กระจายทั่วร่างกาย เข้าไขกระดูก เข้าลำไส้ ของผู้ป่วยดื้อยาต้านไวรัสเอชไอวีทุกขนาน เชื้อวัณโรคเทียม M.avium ก็ดื้อยาเกือบทุกชนิด ได้ให้การรักษาเต็มที่ สุดท้ายก็เสียชีวิต ผู้ป่วยรายนี้เป็นบทเรียนให้ผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีทุกคน ต้องกินยาต่อเนื่องสม่ำเสมอ อย่าขาดยา และมาพบแพทย์ตามนัด