ข่าว

เชียงราย-พะเยา-ลำปาง แหล่งผลิต "สับปะรดโรงงาน" ปีนี้ ผลผลิตรวม 76,315 ตัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เชียงราย-พะเยา-ลำปาง แหล่งผลิต "สับปะรดโรงงาน" ปีนี้ ผลผลิตรวม 76,315 ตัน ผลผลิตออกมาก พ.ค.-ก.ค. สศท.1 เชิญชวนอุดหนุนผลผลิตเกษตรกร

นายธวัชชัย เดชาเชษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่(สศท.1) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การ "ผลิตสับปะรดโรงงาน" ปี 2565 ในพื้นที่รับผิดชอบของ สศท.1ได้แก่เชียงราย พะเยา ลำปาง ทั้ง 3 จังหวัด มีพื้นที่ปลูก "สับปะรดโรงงาน" คิดเป็นร้อยละ 35 ของเนื้อที่"ปลูกสับปะรดโรงงานภาคเหนือ"

 

  เชียงราย-พะเยา-ลำปาง แหล่งผลิต "สับปะรดโรงงาน" ปีนี้ ผลผลิตรวม 76,315 ตัน

                                                              ธวัชชัย  เดชาเชษฐ์

ปี 2565(ข้อมูลพยากรณ์ ณ กุมภาพันธ์ 2565) คาดว่ามีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 3 จังหวัดรวม32,423 ไร่ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีเนื้อที่เพาะปลูก34,475 ไร่ (ลดลงร้อยละ 6)เนื่องจากเกษตรกรบางส่วนปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่น สับปะรดพันธุ์บริโภคสด มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

 

ส่วนด้านผลผลิต คาดว่าจะมีปริมาณรวม 76,315 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณ 78,872 ตัน (ลดลงร้อยละ 3) เนื่องจากเนื้อที่ปลูกลดลง ประกอบกับปัจจัยการผลิตที่สูงขึ้นทำให้เกษตรกรลดการใส่ปุ๋ยบังคับออกดอก ผลผลิตของสับปะรดจึงลดลง 

สำหรับการปลูก "สับปะรดโรงงาน" ทั้ง 3 จังหวัด (ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2565) มีเกษตรกรผู้ปลูกรวม 3,159 ครัวเรือน เกษตรกรจะปลูกพันธุ์ปัตตาเวีย ซึ่งเป็นพันธุ์ที่โรงงานอุตสาหกรรมต้องการเพื่อนำไปแปรรูปเป็น "สับปะรดกระป๋อง"

 

"สับปะรด" สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ส่วนมากเกษตรกรจะเริ่มทยอยปลูกใน เดือนมกราคม - พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีฝนตกชุก ไม่มีปัญหาเรื่องโรครากเน่ายอดเน่า ระยะเวลาเพาะปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 15 – 18 เดือน ซึ่ง "สับปะรด" สามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี

 

โดยผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมกราคม และจะออกมากสุดช่วงเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม (ร้อยละ 60 ของผลผลิตทั้งหมด) ด้านราคาที่เกษตรกรขายได้ ณ ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม อยู่ที่ 6 บาท/กิโลกรัม

 

ในส่วนของการจำหน่ายผลผลิตเกษตรกรส่งจำหน่ายให้กับผู้รวบรวมในพื้นที่ และพ่อค้ารายใหญ่ที่มารับซื้อภายในจังหวัดเพื่อรวบรวมส่งไปยังโรงงานแปรรูป จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี และชลบุรี  เก็บไว้จำหน่ายสำหรับบริโภคผลสด ร้อยละ 34 ของผลผลิตทั้งหมด

 

ทั้งนี้ "สับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย" จัดอยู่ในกลุ่ม Smooth cayenne เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุด และยังมีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการบริโภคสดด้วย ซึ่งมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว หากเก็บเอาไว้สักระยะ ก็จะมีรสชาติหวานเพิ่มขึ้น

ด้านแนวทางบริหารจัดการ "สับปะรดโรงงาน" ในพื้นที่ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้มีการส่งเสริมพื้นที่เหมาะสมในการปลูก การจัดหาแหล่งน้ำหรือจัดระบบชลประทาน ลดต้นทุนการผลิตสนับสนุนและหาแหล่งเงินทุนให้กับเกษตรกร

 

รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้กับเกษตรกรเพื่อเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงคุณภาพผลผลิตในด้านการแปรรูป ได้ส่งเสริมการนำนวัตกรรมมาใช้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ "สับปะรด" เช่น นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ความงามจากสับปะรดในจังหวัดลำปาง

 

โครงการเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุจากสับปะรดที่เหลือใช้ด้วยการผลิตเป็นเส้นใยเสริมแรงสำหรับวัสดุคอมโพสิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น และด้านการตลาด ส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าบนสื่อออนไลน์ www.thaitrade.com
การรวบรวม จำหน่าย และส่งออกสับปะรดผลสด ผ่านกลไกรูปแบบประชารัฐ ดำเนินการขยายตลาดการส่งออก"สับปะรด" และผลิตภัณฑ์เพื่อกระจายผลผลิตไปยังตลาดต่างๆ ตามความเหมะสมแต่ละพื้นที่

 

ในช่วงเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม ซึ่งจะเริ่มมีผลผลิตสับปะรดโรงงานในภาคเหนือออกมาจำนวนมาก จึงขอเชิญชวนทุกคน หันมาอุดหนุนและบริโภคสับปะรดที่ผลิตโดยเกษตรกรไทยให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการอุดหนุน ส่งเสริมผลผลิต ช่วยกระจายผลผลิตให้แก่เกษตรกรแล้ว สรรพคุณของสับปะรดยังส่งผลดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมากอีกด้วย” ผู้อำนวยการ สศท.1 กล่าวทิ้งท้าย
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ