คลิป "โควตาหวย" พ่นพิษ "แรมโบ้อีสาน" โบกมือลา "รวมไทยสร้างชาติ"

เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟสบุ๊ค พร้อมหนังสือลาออกจาก สมาชิกพรรคมีเนื้อหาว่า
เรียน สื่อมวลชนที่รักทุกท่าน
  ตามที่มีข่าวเรื่องคลิปเสียงผมกับนางจุรีพรสินธุไพร ตามปรากฏเป็นข่าวที่ทราบกันโดยทั่วไปนั้นในเรื่องนี้ผมได้แสดงจุดยืนชัดเจนในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของผมเพื่อเป็นบรรทัดฐานทางการเมือง โดยการลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองแล้วนั้น
  เพื่อให้ภาพพจน์และการขับเคลื่อนของ"พรรครวมไทยสร้างชาติ"เป็นไปในทางที่ดีในสายตาพี่น้องประชาชน ไม่ให้เกิดความด่างพร้อยเสียหายต่อทางพรรคฯและความลำบากใจต่อคณะกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ และผมต้องการให้พรรคเป็นที่ยึดโยงและเป็นสถาบันหลักสำคัญ ได้ทำงานตามนโยบายตอบสนองให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนในภายภาคหน้าได้อย่างราบรื่นตามเจตนารมณ์ของพรรคฯ
  ผมจึงได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง  ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2565 เป็นต้นไป
   จึงขอเรียนแจ้งสื่อมวลชนมาเพื่อทราบ นายเสกสกล อัตถาวงศ์   28 เมษายน 2565

เสกสกลเปิดเผยว่าหลังจากที่ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว นอกจากจะเป็นการแสดงจุดยืนในการที่จะไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตนเอง เพื่อเป็นบรรทัดฐานทางการเมือง และเพื่อให้ภาพพจน์ การขับเคลื่อนของพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นไปในทางที่ดีในสายตาของประชาชนแล้ว   ยังมีเจตนาเพื่อที่จะไปขับเคลื่อนชมรมเครือข่ายปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร่วมกับนายอานนท์ แสนน่าน และอดีตกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่กลับตัวกลับใจ ตั้งหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย ในการปกป้องสถาบัน  

หลังจากที่ลาออกจากทุกตำแหน่ง ทั้งตำแหน่งข้าราชการการเมือง รวมถึงสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว จากนี้ไปนอกจากจะเดินหน้าขับเคลื่อนร่วมกับอดีตคนเสื้อแดง ในการก่อตั้งชมรมเครือข่ายปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต่อไป ไม่ต้องการให้ใครคิดมาล้มล้างสถาบัน ประเทศไทยต้องมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระพระประมุขเท่านั้น   แรมโบ้ ระบุ

สมชัย ศรีสุทธิยากร  ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย เตรียมยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งวันพรุ่งนี้ เพื่อให้พิจารณาคลิปสนทนาของนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานอนุกรรมการแก้ปัญหาการขายสลากแพง ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา มีการยืมเงิน 15 ล้านบาท และใช้จ่ายเงินในการเลือกตั้ง 100 ล้านบาท อีกทั้งมีการพูดเชิงสนับสนุนจากนางจุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ จึงอยากให้ กกต.ได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ซึ่งการพูดดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิด 3 กรณี คือ มีการใช้จ่ายเงินเกินกว่า 1.5 ล้านบาทตามกรอบของกฎหมายกำหนดหรือไม่ มีการรายงานค่าใช้จ่ายเป็นเท็จหรือไม่และ มีแนวโน้มทำผิดกฎหมายเลือกตั้งมาตรา 73 (1) เรื่องการใช้เงินซื้อเสียงหรือไม่