ข่าว

"สมชัย" ถาม พลเอก "ประยุทธ์" ลงใต้ได้ประโยชน์อะไร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สมชัย" ศรีสุทธิยากร ถามพลเอก "ประยุทธ์" ได้ประโยชน์อะไร จากการล่องใต้ โดยไม่ไปดูสภาพปัญหา ยกตัวอย่างที่สงขลา กรณี "เขาแดง"

สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายเสรีรวมไทยโพสต์เฟสบุ๊คตั้งคำถามถึงการเดินทางเยือน สงขลาและพัทลุงของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีว่าได้ประโยชน์อะไรบ้าง มีเนื้อหาว่าแทนที่จะไปตลาดกิมหยง คุยหยอกถึงความหล่อหน้าตาดีจนทานข้าวไม่ลง  หากพลเอกประยุทธ์ใช้โอกาสในการลงพื้นที่ จังหวัดสงขลา  ไปดูข้อเท็จจริงของปัญหาประชาชนในพื้นที่เหล่านี้ น่าจะดีกว่าไหม

 

"สมชัย" ถาม พลเอก "ประยุทธ์" ลงใต้ได้ประโยชน์อะไร

สมชัย ยกตัวอย่าง ที่จังหวัดสงขลามีปัญหาที่รอการแก้ไขประกอบไปด้วย

1. พื้นที่เขาแดง ไปดูปัญหาการบุกรุกป่าไม้และทำลายโบราณสถานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่น  ห่างจากตลาดกิมหยง 36 กม. ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที
2. การก่อสร้าง อควาเรียมของสงขลา ที่ใช้งบกว่า 1,400 ล้าน สร้างมาสิบกว่าปียังไม่เสร็จ  อยู่ในบริเวณไม่ห่างจากเขาแดงเท่าไรนัก  จะได้เห็นปัญหาของระบบราชการที่ชัดเจน
3. พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและนายทุนนักการเมืองที่เข้าไปซื้อที่แสวงหากำไร มีปัญหาขัดแย้งกับชาวประมงพื้นบ้าน  ห่างจากตลาดกิมหยง ประมาณ 50 กม. ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง ชั่วโมง
4. ปัญหาการค้าชายแดนที่ด่านสะเดา ดูว่าชาวบ้านแถวนั้นอยู่กันอย่างไร ทำไมมาเลเซียจึงขายน้ำมันได้ถูกกว่าเรามากมาย  ห่างจากตลาดกิมหยงประมาณ 55 กม. เดินทางไม่ถึง ชั่วโมง

นี่เป็นเพียงบางตัวอย่างที่ผู้บริหารสูงสุดในส่วนกลาง เมื่อลงมาในพื้นที่สามารถเลือกไปดูสภาพที่เป็นจริงของปัญหา  อาจจะเหนื่อยกว่าเดินตลาดกิมหยงให้คนกรี๊ดกร๊าด  แต่ได้ประโยชน์และได้ใจคนทำงานมากกว่า

ขณะที่พลเอกประยุทธ์ โพสต์เฟสบุ๊คว่าตั้งแต่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภารกิจหนึ่งที่ให้ความสำคัญและเฝ้ารอคอยมากที่สุด ก็คือการได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการต่างๆ เพราะทำให้ได้มีโอกาสเยี่ยมเยียนและพบปะกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เพื่อไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ รวมทั้งรับฟังข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้น การล่องใต้ ไปที่จังหวัดสงขลาและพัทลุง มีความคืบหน้าของโครงการต่างๆแจ้งให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ ว่าได้ไปตรวจเยี่ยมโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำของ "คลองภูมินาถดำริ" หรือ “คลองระบายน้ำ ร.1” ตามแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ บริเวณลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเกือบ 12,000 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดสงขลาและพัทลุง มากกว่าร้อยละ 95 และบางส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช สตูล ตรัง และยะลา โดยเป็นพื้นที่ซึ่งเคยได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในอดีต รัฐบาลจึงลงทุนก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหานี้ โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดสงขลา ที่เคยได้รับความเสียหายอย่างหนักต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่มาหลายครั้ง ในปี 2531 เกิดความเสียหายมูลค่า 4,000 ล้านบาท ในปี 2543 เสียหายมูลค่า 14,000 ล้านบาท และในปี 2553 เสียหายมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท รัฐบาลได้ผลักดันโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่อง

"สมชัย" ถาม พลเอก "ประยุทธ์" ลงใต้ได้ประโยชน์อะไร

ส่วนที่จังหวัดพัทลุง ได้ติดตามข้อมูลความคืบหน้าของอีกหนึ่งโครงการสำคัญของรัฐบาล คือ "โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.)" และได้รับรายงานว่ามีความคืบหน้าโดยลำดับในประเทศของเรา อาจดูเหมือนมีปัญหาหลายประการ แต่ทุกๆ ปัญหาได้รับการรายงานขึ้นมาเป็นลำดับ จากระดับท้องถิ่น สู่ระดับจังหวัด และนำเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อวางมาตรการทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว ซึ่งรัฐบาล ได้รับทราบทุกปัญหา และนำไปกำหนดนโยบายเพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ สำหรับช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้อง รวมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไปพร้อมๆ กัน

ขอให้พวกเราเชื่อในศักยภาพของประเทศไทย และคนไทย ว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบ กำลังเร่งดำเนินการในทุกๆ โครงการ บางโครงการ เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สามารถเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนได้ทันที แต่บางโครงการเป็นมาตรการโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว ที่อาจจะยังไม่เห็นผลในวันนี้ แต่จะส่งผลดีอย่างยั่งยืน เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ