"ช่อ พรรณิการ์" กร้าว หากต่อพาสปอร์ตไม่ได้ เตรียมร้องศาลปกครอง

       หลังการที่ ช่อ พรรณิการ์ เข้าพบตำรวจ 20 นาที พรรณิการ์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า  ตนได้พูดคุยกับผู้กำกับเรียบร้อย โดยมีการชี้แจงว่าเรื่องนี้เป็นมาตรฐานการปฏิบัติตามปกติของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำต่อคดีความมั่นคงซึ่งมาตรา 112 และ 116 ต้องทำแบบนี้ เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่มีความกังวลว่าเป็นคดีความมั่นคงเกรงว่าถ้าผู้ต้องหาหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะโดนข้อหาบกพร่องต่อการปฏบัติหน้าที่ พร้อมยืนยันว่าปฏิบัติกับทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงแบบเดียวกันหมด ที่จะต้องมีการขอระงับหนังสือเดินทาง แต่ผลย่อมขึ้นกับดุลพินิจของอธิบดีกรมการกงสุลเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงแต่ทำหนังสือขอความร่วมมือไม่สามารถบังคับได้

พรรณิการ์กล่าวต่อว่า ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำเพราะเกรงว่าจะบกพร่องในหน้าที่แต่เมื่อมีการเดินทางมายื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และชี้แจงแล้วว่ามีที่อยู่หลักแหล่งหลังชัด เป็นที่รู้จักในสังคม ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี และมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางออกไปนอกประเทศทางตำรวจยืนยันว่าจะดำเนินการยกเลิกหนังสือดังกล่าวให้ทันทีและจะทำให้เสร็จภายในเที่ยงวันนี้โดยจะนำหนังสือนี้ไปส่งให้กรมการกงสุลต่อไป

ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าจะทำหนังสือเดินทางได้ปกติภายในวันพรุ่งนี้แต่ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของกรมการกงศุลว่าจะทำให้เมื่อไหร่

ส่วนตัวรู้สึกว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตอบสนองและดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วพร้อมชี้แจงอธิบายด้วยตัวเองและจะเร่งการทำหนังสือให้ซึ่งถือว่ารวดเร็ว

แต่ตนอยากถามเจ้าหน้าที่ว่าเข้าใจประชาชนว่าถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้อย่างไรทั้งที่คดีนี้ยังไม่ถึงชั้น ศาลวันนี้จึงได้แลกเปลี่ยนความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่า กรณีนี้เกิดจากการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ พรรณิการ์ตอบว่าคดีอาญา มาตรา116 คดีนี้เป็นสาเหตุให้โดนระงับการต่ออายุหนังสือการเดินทางซึ่งเกิดจาก สุวิทย์ ทองประเสริษฐ หรือพุทธะอิสระ แจ้งความตนไว้ตั้งแต่ช่วงการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่

ขณะนี้หวังว่ากรมการกงสุล จะดำเนินการอนุมัติการต่ออายุหนังสือเดินทางโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆเพราะความเป็นจริงแล้วมีมีช่องทางทางกฎหมายต่างๆที่สามารถทำได้ เช่นกรณีของนายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ขณะนั้นถูกข้อหาขัดขืนคำสั่งคสช. โดนระงับหนังสือเดินทาง แต่ต่อมาเมื่อยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง ก็สามารถคลี่คลายได้ ฉะนั้นเรื่องนี้มีแนวปฏิบัติในศาลปกครองอยู่แล้ว

"เราจะต้องพิสูจน์ตัวเองขนาดไหนว่าเราไม่ใช่อาชญากรเรื่องนี้ก็เหนื่อยใจเหมือนกันถ้าเป็นนักการเมืองในประเทศนี้เป็นเหมือนอาชญากรโดนเจ้าหน้าที่ตามไปถึงบ้านโดนถอนพาสปอร์ตออกนอกประเทศและต้องมีเงื่อนไขทุกอย่าง"พรรณิการ์ กล่าว