เจ้าอาวาสวัดดัง เก็บตัวเงียบ หลังถูก"โชเฟอร์แท๊กซี่"แจ้งความโดนอนาจาร

จากกรณีที่ นายอำนาจ ข้อเพชร อายุ 52 ปี "โชเฟอร์รถแท๊กซี่" เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ภคภณ  ณ นคร  รอง สว.สอบสวน สภ.บางใหญ่ ว่าถูกเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ มีพฤติกรรมในลักษณะ"ชายรักชาย"ใช้กลอุบายจะขอมีเพศสัมพันธ์กับตน โดยนายอำนาจอ้างว่าเมื่อตนไม่ยอมทางเจ้าอาวาสบังคับให้ใช้มือช่วยจน"สำเร็จความใคร่"
  

นายอำนาจ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อประมาณเดือนธันวาคมปี 63 พระรูปนี้ว่าจ้างตนเป็นเงิน 5,000 บาท ให้ขับรถให้ไปภูทับเบิก แต่เมื่อไปถึงพระรูปนี้บอกให้ตนขับรถไปที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่มีการจองห้องไว้แล้ว เมื่อเข้าห้องพักก็พยายามขอมี"เพศสัมพันธ์"แต่ตนไม่ยินยอม

จนกระทั่งเดือนสิงหาคมปี 64 เค้าก็ทักมาถามถึงความเดือดร้อนแล้วเรียกไปให้ไปพบแล้วก็ทำเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ที่กุฏิเจ้าอาวาสเลย แล้วก็เสนอว่าจะให้เงิน 10,000 บาท แต่สุดท้ายนี้ก็ให้เงินมา 1,000 บาท ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นรายแรกน่าจะทำอย่างนี้กับหลายๆคน แต่ไม่มีใครกล้ามาออกพูด เพราะว่าทุกคนก็คงกลัวอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งตนก็คิดอยู่นาน แต่ช่วงนี้มีกระแสข่าวลักษณะนี้ที่เกิดขึ้นกับตน และเชื่อว่าคงมีผู้เสียหายไม่น้อยที่ถูกทำเหมือน ตนขอให้คนที่เคยถูกกระทำกล้าออกมาให้ข่าวเพื่อที่เขาจะได้เลิกพฤติกรรมแบบนี้ สังคมจะได้ดีขึ้น

ด้านนายปราณีต เข็มกลัด อายุ 44 ปี ลูกชายกรรมการวัดบางเลนเจริญ ให้ข้อมูลว่า เท่าที่ผมรู้จักตั้งแต่ท่านมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสที่วัดนี้ ไม่เคยเห็นมีพฤติกรรมในลักษณะที่เป็นข่าว ท่านเป็นคนใจดี เวลาใครเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือท่านก็ไม่เคยปฏิเสธใคร ใครที่มาจัดงานศพที่วัดแล้วไม่มีเงินท่านก็ให้ทางวัดจัดการทำให้เสร็จ สำหรับเรื่องที่เกิดไม่รู้ว่าจะเป็นความจริงแค่ไหน แต่ส่วนตัวผมไม่เชื่อ เพราะท่านเจ้าอาวาสรูปนี้บวชเรียนมาตั้งแต่เด็กปัจจุบันอายุ 39 ปี ส่วนคนที่แจ้งความกล่าวหาทราบว่าอายุ 52 ปี ถ้าท่านคิดจะทำเรื่องนี้สู้ทำกับพระหนุ่มในวัดไม่ดีกว่าหรือทำไมต้องไปทำกับคนนอกด้วย

พ.ต.อ.ถาวร ดุลยวิทย์ รอง ผบก.ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ปฏิบัติราชการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี รักษาการแทนในตำแหน่งผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรบางใหญ่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 29 ส.ค.64 เกิดขึ้นในกุฎิวัดซึ่งอยู่กันเพียงลำพัง 2 ต่อ 2 ลักษณะเป็นเรื่องของ"การอนาจาร" มีอายุความเกินกฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดที่สามารถยอมความกันได้ 

ซึ่งตอนนี้เกินอำนาจของพนักงานสอบสวน คือไม่สามารถแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีได้ ซึ่งผู้เสียหายก็ทราบ จุดประสงค์ที่มาแจ้งความก็เพื่อลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่าพระรูปนี้มีพฤติกรรมอย่างไร และตนเองโดนกระทำอย่างไรบ้าง เบื้องต้นตอนนี้เจ้าเอาวาสวัดดังกล่าวยังไม่เข้ามาให้ปากคำและยังไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากนี้ต้องรอให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้าชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง และพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ภาพ/ข่าว สาโรจน์ สว่างศรี