ตร.เตรียมส่งคลิปหลักฐานมัด "ปริญญ์" พิสูจน์ของจริงหรือไม่

18 เม.ย.2565  ที่ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี  พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. เรียกประชุมชุดสอบสวนคลี่คลายคดีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาก่อเหตุอนาจารและข่มขืน หญิงสาวหลายราย โดยเหตุเกิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 ต่อเนื่องเรื่อยมา และถูกหญิงสาวผู้เสียหายอย่างน้อย 3 คนแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ประกอบด้วย ข้อหาอนาจาร 2 คดี และ ข่มขืนกระทำชำเรา อีก 1 คดี

ซึ่งล่าสุดวานนี้ (17 เม.ย.65) พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องฝากขัง ผู้ต้องหาต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ไปแล้ว และศาลได้พิจารณารับฝากขังตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวน ขณะที่ ทนายความของ นายปริญญ์ ได้ยื่นขอประกันตัว ผู้ต้องหาออกไป โดยให้เหตุผลต่อศาลว่า ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อีกทั้งไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หลังทราบว่าถูกดำเนินคดีและถูกตั้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาได้แสดงตัวต่อพนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจกระทำการตามหน้าที่ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ศาลได้พิจารณาคำร้องของผู้ต้องหาและทนาย ก่อนตีราคาประกัน โดยข้อหาอนาจาร 2 คดี ตีราคาประกัน คดีละ 200,000 บาท และคดีข่มขืนกระทำชำเราอีก 1 คดี ตีราคาประกันคดีละ 300,000 บาท รวมหลักทรัพย์ เป็นเงิน 700,000 บาท 

อย่างไรก็ตาม ในเวลา 16.00 น. วันนี้ นายษิทรา เบี้ยยังเกิด หรือทนายตั้ม เตรียมนำหญิงสาวผู้เสียหาย ที่เคยถูกนายปริญญ์ ผู้ต้องหาล่วงละเมิดมา แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ที่ สน. ลุมพินี เพิ่มเติม อีก 5 - 6 คน 

ภายหลังจากการประชุม นานประมาณ 1 ชั่วโมง  พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผบช.น. ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า คดีแรก คดีอนาจาร พนักงานสอบสวนได้ส่งพยานหลักฐานซึ่งประกอบด้วยคลิปวงจรปิด ให้กับกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจสอบ ว่าเป็นคลิปตัดต่อหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คดีที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาขณะนี้มีคดี รวมทั้งสิ้น4 คดี ประกอบด้วยคดีที่เกิดขึ้นที่ สน. ลุมพินี 3 คดี และอีก1คดี อยู่ในพื้นที่ สภ.เมืองเพชรบุรี 

ส่วนกรณีที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ผู้ต้องหาที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น ขณะนี้ได้รับรายงานแล้วแต่ยังไม่ทราบรายละเอียด ส่วนกรณีที่นายษิทรา หรือทนายตั้ม เตรียมนำผูเสียหาย 5-6 คนเข้าแจ้งความเพิ่มเติมที่ สน. ลุมพินี เป็นคดีเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนเดียวกันนั้น ขณะนี้ได้เตรียมพนักงานสอบสวนไว้รองรับในการสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว

อย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้แม้มีผู้เสียหายที่ถูกผู้ต้องหากระทำล่วงละเมิดในรูปแบยต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน คนละห้วงเวลา อีกทั้งผู้เสียหายยังเป็นคนละคน ที่สื่อมวลชน ต้องข้อสงสัยว่าควรรวมคดีให้นครบาลเป็นผู้ดำเนินการเพียงหน่วยงานเดียวได้หรือไม่ ตามกฎหมายแล้วไม่สามารถกระทำได้  แต่ในกรณีที่ผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความที่ สน.ลุมพินี แต่คดีเกิดในพื้นที่อื่น เราก็จะทำหน้าที่ประสานส่งเรื่องต่อไปให้ 
 

รอง ผบช.น. กล่าวยืนยันว่าตำรวจทำงานตามพยานหลักฐาน เมื่อมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีและพบความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเรื่องทางการเมืองหรือไม่

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีข้าราชการยศพันตำรวจเอก และ ตัวผู้ต้องหาเองพยายาม เข้าไปเจรจากับผู้เสียหายเพื่อให้ยุติบทยาททางคดี ซึ่งอาจผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวของศาล เรื่องดังกล่าว จากการตรวจสอบยังไม่พบพยานหลักญานที่ชัดเจน มีเพียงคำกล่าวอ้างและกระแสข่าวเท่านั้น แต่หากมีพยานหลีกฐานมายืนยันในภายหลัง ตำรวจก็พร้อมที่จะไปยื่นให้ศาลให้เพิกถอนการประกันตัวได้

ทั้งนี้จากการสืบสวนของตำรวจยังไม่พบว่ามีการทำลายพยานหลักฐานจากโดยกลุ่มผู้ต้องหามีเพียงพยานหลักฐานที่หมดอายุการเก็บรักษาตามปกติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม รองผบช.น.ยังกล่าวอีกว่าคดีดังกล่าว ทันกรอบเวลาการส่งสำนวนให้อัยการมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องอย่างแน่นอน