ข่าว

"ดอกเบี้ย" เงินกู้ "หนี้สาธารณะ" มะเร็งร้ายทางการเงิน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มะเร็งร้ายทางการเงิน เกิดจาก "ดอกเบี้ย" เงินกู้ "หนี้สาธารณะ" ที่เพิ่มขึ้นทุกปี ประเทศเสี่ยงล้มละลาย เพราะรัฐมีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ห่วงการใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐ ที่ใช้จ่ายเงินลงทุนล่าช้าข้ามปีงบประมาณ ไม่โปร่งใส ขาดประสิทธิภาพ ไม่คุ้มค่า และไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโตของ GDP ทำให้ประชาชนเสียโอกาส  ขณะที่ภาระดอกเบี้ยที่เดินหน้าไม่หยุด จากข้อมูลของสำนักงบประมาณของรัฐสภา (PBO) พบว่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2564  พบว่า งบประมาณจำนวน 3,285,962  ล้านบาทเศษ มีการเบิกจำนวน 3,012,156   ล้านบาทเศษ หรือคิดเป็นร้อยละ 91.67  ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายรายจ่ายภาพรวม ร้อยละ 8.33 หรือมีงบประมาณคงเหลือจำนวน 273,806 แสนล้านบาทเศษ

"ดอกเบี้ย" เงินกู้ "หนี้สาธารณะ" มะเร็งร้ายทางการเงิน

 

รายงานหนี้สาธารณะของไทยสิ้นเดือน กุมภาพันธ์ 2565 หนี้สาธารณะของไทยมีจำนวน 9,828,268.17 ล้านบาท สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP เท่ากับร้อยละ 60.17 ต้องเสียดอกเบี้ยเฉลี่ยประมาณ 20,914.53 ล้านบาทเศษต่อปี 

ความล่าช้าของการใช้งบประมาณไม่ทัน แต่ ดอกเบี้ยยังเดินไม่หยุดเปรียบเสมือนมะเร็งร้ายทางการเงินที่แพร่เชื้อลุกลามเข้าสู่ปวงชนที่ยากต่อการรักษาและเป็นภาระของคนในอนาคตต้องใช้หนี้และดอกเบี้ยที่เพิ่ม รัฐต้องจ่ายหนี้เป็นค่าดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นที่กู้มา ตัวอย่าง งบประมาณรายจ่ายปี 2565 การชำระหนี้ภาครัฐรวมจำนวน 363,269 ล้านบาท ใช้หนี้เงินต้นเพียง 100,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่เป็นดอกเบี้ยมากถึง 263,269 ล้านบาท รัฐบาลมีรายได้น้อยกว่ารายจ่ายที่เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลไทยเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะการล้มละลาย

 

"ดอกเบี้ย" เงินกู้ "หนี้สาธารณะ" มะเร็งร้ายทางการเงิน

พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจมองว่าการที่พลเอกประยุทธ์กู้เงินมาก แต่ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตได้ อีกทั้งต้องมาแบกรับภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยสูง ต้องขึ้นภาษีทั้งภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่ขาดทุนมากจากนักท่องเที่ยวไม่เข้ามา แต่ต้องจ่ายภาษีสูงขึ้น 10 เท่า

นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ยังจะเก็บภาษีการขายหุ้นอีก 0.1% ในภาวะที่ตลาดหลักทรัพย์ ยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตไวรัสโควิด เป็นปัญหาในการระดมทุนสำหรับบริษัทรุ่นใหม่ในอนาคต ซึ่งความเป็นจริงในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รัฐบาลต้องลดภาษีเพื่อให้เงินอยู่ในมือประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าที่จะขึ้นภาษีแล้วดึงเงินออกจากระบบ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจยิ่งทรุดลงไปอีก

logoline