ผบ.ตร. ออกคำสั่งแต่งตั้ง 40 นักสืบ 5G ผ่านหลักสูตรสุดเข้ม
ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง 40 นักสืบ 5G ผ่านหลักสูตรสุดเข้ม ปั้น “นักสืบคุณภาพ” ถ่ายทอดดีเอ็นเอ จากต้นแบบรุ่นพี่ สู่รุ่นน้อง พร้อมรับมือกับคนร้ายทุกรูปแบบ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามคำสั่ง ตร.ที่ 150/2565 เรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ลงวันที่ 8 เมษายน 2565 โดยแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่นพิเศษ 5G จำนวน 40 นาย ให้ดำรงตำแหน่งรองสารวัตร ในสายงานสืบสวนตามหน่วยต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฝึกอบรม และเกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานสืบสวนอย่างสูงสุด
คำสั่งดังกล่าว แต่งตั้งให้ข้าราชการตำรวจ ทั้ง 40 นาย ที่ผ่านการฝึกอบรมทั้งหมด 42 นายให้ดำรงตำแหน่งใหม่ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2565 เป็นต้นไป โดยให้โอนอัตราเงินเดือนเดิม ไปตั้งจ่ายสำหรับตำแหน่งใหม่หรือให้ขาดจากอัตราเงินเดือนเดิมไปรับอัตราเงินเดือนใหม่ ตั้งแต่ วันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2565 เป็นต้นไป ส่วนอีก 2 นายเนื่องจากอยู่ในตำแหน่งงานด้านสืบสวนอยู่แล้ว จึงให้อยู่ในตำแหน่งเดิม
คำสั่งระบุด้วยว่า ให้ทั้ง 40 นายปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นระยะเวลา ไม่น้อยกว่า 2 ปี จึงจะมีสิทธิได้รับการพิจารณาแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งอื่นได้ เว้นแต่เป็นการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
สำหรับหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นพิเศษ 5G หรือ “นักสืบ 5G” เป็นหลักสูตรพิเศษ ตามความตั้งใจของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ในการสร้างนักสืบคุณภาพ โดยรับสมัครตำรวจที่มีความสนใจด้านงานสืบสวน เข้าค่ายฝึกเข้มข้น ปั้นนักสืบคุณภาพยุคดิจิทัล เป็นเวลาร่วม 4 เดือน ระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2564 ถึง 8 เมษายน 2465 ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจโดยมีผู้เข้าอบรม 42 นาย
หัวใจสำคัญของหลักสูตรนี้ คือการถ่ายทอดดีเอ็นเอนักสืบที่ดี จากนักสืบคุณภาพรุ่นพี่ ให้แก่ตำรวจรุ่นใหม่ โดยมีนักสืบรุ่นพี่ ที่มีความสามารถในการสืบสวนระดับแถวหน้าของประเทศไทย เป็นวิทยากร ครูพี่เลี้ยง เป็นแม่แบบถ่ายทอดทักษะการสืบสวน ผสมผสานเทคนิคการสืบสวนจากยุคอนาล็อก สู่ยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) พัฒนาศักยภาพความสามารถด้านการสืบสวนเพื่อจับกุมผู้กระทำผิด ตามขั้นตอนและหลักยุทธวิธีสากล
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ เป็นประธานปิดการฝึกอบรม มีผู้บังคับบัญชาและครูพี่เลี้ยงร่วมแสดงความยินดี อาทิ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส, พล.ต.ต.ศรกฤษณ์ แก้วผลึก ที่ปรึกษาหลักสูตร, พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ, พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้บัญชาการศึกษา, พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม, พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2, พล.ต.ต.นภัณต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 และพล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจกลาง ส่วนหนึ่งของทีมฝึกอบรมนักสืบ 5G ร่วมงาน
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ฯ กล่าวบนเวที ว่า การเรียนจบหลักสูตรในวันนี้ เปรียบเหมือนเราเรียนจบ ประถม 4 เท่านั้น ชีวิตการทำงานยังอีกยาวไกลมาก เรายังต้องเพิ่มเติมความรู้ระหว่างที่เราทำงานกันไปอีกเรื่อย ๆ
“สิ่งที่เราเรียนมาทั้งหมดก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ชีวิตจริงอยู่ข้างหน้า และความล้มเหลวจะเป็นอาจารย์ เป็นบทเรียนที่ดีที่สุดของเรา ..อย่าไปตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นอะไร ให้ตั้งเป้าหมายว่าจะทำอะไร เพราะไม่สำคัญว่าจะได้ตำแหน่งอะไรขึ้นกับว่าเราตั้งใจจะทำอะไร...ตำแหน่งนั้นจะอยู่กับเราไม่นาน เดี๋ยวเราก็จะต้องเปลี่ยนตำแหน่งหมุนเวียนกับทีมงานไปเรื่อย ๆ แต่อาจารย์ที่ให้ความรู้ ผู้บังคับบัญชาที่ดี เพื่อนร่วมงานที่ดี ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีนั้นหาได้ยากมาก ถ้ามีแล้วจงรักษาไว้” พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ กล่าวและว่า จะเฝ้ารอนักสืบ 5G รุ่นนี้ เจริญเติบโตอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ก่อนการปิดการอบรม ผู้เข้าอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่นพิเศษ 5G ทำกิจกรรม Yellow Brick Running Challenge วิ่งทดสอบสมรรถภาพร่างกายระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร ผู้เข้าอบรมวิ่งเข้าเส้นชัย แสดงสมรรถนะดีเกินความคาดหมาย ก่อนที่นายตำรวจผู้เข้าอบรมจะช่วยกันอุ้ม พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ที่เป็นอาจารย์ใหญ่ของหลักสูตร โยนขึ้นเพื่อฉลองความสำเร็จตามประเพณีที่ทำสืบต่อกันมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ตำรวจที่ผ่านการอบรมในหลักสูตรนี้ จะเดินทางไปดูงานที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย