ข่าว

นครบาลแถลงจับกุมสาววางยาสลบเจ้าของ "ร้านทอง" เพื่อชิงทรัพย์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นครบาลแถลงจับกุมสาววางยาสลบเจ้าของ "ร้านทอง" เพื่อชิงทรัพย์ สร้อยคอทองคำ 4 บาท , กำไลทองคำ 1 บาทและเงินสด 50,000 บาท ก่อนนำตัวทำแผนชี้จุดเกิดเหตุ

          

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รองผบช.น.  พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.กก.สส.บก.น.9 พ.ต.ท.เจษฎาภรณ์ อ่อนทองคำ รอง ผกก.สส.สน.แสมดำ พ.ต.ท.กริช แก้วประดิษฐ์ สว.สส.สน.แสมดำ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.แสมดำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.9 จับกุมตัวนางศิรดา หรือฝน สงวนนามสกุล อายุ 25 ปี  ชาวจ.ตาก
จับกุมผู้ต้องหาได้ที่ เลขที่ 521/27 บริษัทห้างทองกระต่ายคู่ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 26 มี.ค. เวลาประมาณ 13.30 น. โดยเข้าดำเนินการจับกุมตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 169/65 ลง 25 มี.ค.65 ข้อหา ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ที่เป็นของนายจ้างในเวลากลางคืน


สืบเนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ว่าเมื่อวันที่ 23 มี.ค.เวลาประมาณ 19.00 น.ที่ผ่าน มารดาและน้องชาย อยู่ที่ร้านทองแกรนด์เยาวราชตลาดดี  แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.  ​​​​​​ได้เจ็บป่วยกระทันหัน นำส่งรักษาตัวโรงพยาบาล หลังถูกสงสัยวางยา จากการตรวจสอบ กล้องวงจรปิด ทราบว่า ลูกจ้างชื่อฟาง ได้ลักเอาทรัพย์สิน พบว่าทองรูปพรรณ และ เงินสด ได้หายไป 

  จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทราบว่า ลูกจ้างชื่อฟาง ได้ลักเอาทรัพย์สินดังกล่าวไป เป็น สร้อยคอทองคำ 4 บาท , กำไลทองคำ 1 บาทและเงินสด 50,000 บาท หลบหนีไป จากการสืบสวนจนทราบชื่อนามสกุลจริงของคนร้าย จึงรวบรวมพยานหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อขออนุมัติตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี  ข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ที่เป็นของนายจ้างในเวลากลางคืน 

      

ต่อมาวันที่ 26 มี.ค. เวลาประมาณ 13.30 น. ได้สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ บริษัทห้างทองกระต่ายคู่ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และได้นำทรัพย์สินที่ได้จากการก่อเหตุมาขาย และมีทรัพย์สินที่ได้จากการก่อเหตุ และเงินสดที่ได้จากการขายทองรูปพรรณไปบางส่วน อยู่ที่ห้องพัก จึงได้นำพาเจ้าพนักงานชุดจับกุมเข้าตรวจยึดทรัพย์สินดังกล่าว


จากการสืบสวนขยายผลจึงได้ทราบว่า คนร้ายมีการวางแผนการก่อเหตุมาอย่างดี เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีแผนประทุษกรรมในการวางแผนการก่อเหตุ โดยทำการซื้อซิมโทรศัพท์จาก Shoppee มาเปิดใช้งาน วันที่ 2 มี.ค.65 ต่อมาวันที่ 8 มี.ค.65 ติดต่อร้านทองเยาวราชบางขุนเทียน เพื่อสมัครงานเป็นลูกจ้าง ซึ่งร้านทองเยาวราชบางขุนเทียนเป็นเจ้าของเดียวกับ ร้านทองแกรนด์เยาวราชตลาดดีที่เกิดเหตุ จากนั้นในวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมาเปิด Facebookใช้ชื่อปลอม ว่า “Alisa Alisa”เพื่อติดต่อสั่งซื้อยาสลบ และติดต่อจ้างผู้ค้ำประกันการทำงานมาทำการค้ำประกันการทำงานให้ให้ในราคา 4,000 บาท ต่อมาวันที่ 11 มี.ค. เดินทางมาที่ร้านทองเยาวราชบางขุนเทียนพร้อมผู้ค้ำประกันที่จ้างมา เพื่อยื่นเอกสารสมัครงาน พร้อมเซ็นสัญญาค้ำประกันการจ้างงาน โดยใช้ชื่อในการสมัครว่า น.ส.อลิสา มาลีเมาะ ใช้สำเนาบัตรประชาชนของ น.ส.อลิสา มาลีเมาะ เป็นหลักฐานในการสมัคร และในหนังสือค้ำประกันทำขึ้นจำนวน 2 ฉบับ ผู้ต้องหาเขียนชื่อนามสกุลให้ไม่เหมือนกัน โดยเปลี่ยนนามสกุลจาก “มาลีเมาะ” เป็น “มานะโชค” ซึ่งเอกสารที่ทางร้านทองเยาวราชได้รับ เป็นชื่อของ “น.ส.อลิสา มานะโชค” ซึ่งเป็นชื่อปลอมและไม่มีตัวตน

        

วันที่ 12 มี.ค.65 สั่งซื้อยาสลบสัตว์ ยี่ห้อZoletil ๑๐๐ จากร้าน ส.เจริญปศุสัตว์ ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยติดต่อสั่งซื้อทาง face book ชื่อ Alisa Alisa ให้ส่งยาสลบสัตว์มาให้ผู้ต้องหาที่บ้านป้าของผู้ต้องหา นำส่งชื่อ ดวงรัตน์ เลขที่ ๔๗๙/๗๒ ม.๑๐ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ตรวจสอบแล้ว ผู้รับคือ นางดวงรัตน์ ด่วนอินทร์ อายุ 70 ปี เป็นป้าของผู้ต้องหาเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยยาสลบส่งถึงวันที่ 14 มี.ค.65 และผู้ต้องหาได้มารับเก็บไว้เรียบร้อยเพื่อรอก่อเหตุ จากนั้นวันที่ 13-22 มี.ค. เริ่มทำงานที่ร้านทองเยาวราชบางขุนเทียน ในระหว่างทำงานก็ได้แอบลักเอาข้อมูลใบประวัติการสมัครงานของตนออกไป และหยิบเอาข้อมูลประวัติพนักงานคนอื่นในร้านมาแทนในช่องเก็บข้อมูลประวัติการทำงานของตนเอง เพื่อให้เจ้าของร้านติดตามตัวได้ยากขึ้น และวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ย้ายมาทำงานที่ร้านทองแกรนด์เยาวราช ที่เกิดเหตุ และก่อเหตุใช้ยาสลบที่เตรียมไว้ ใส่น้ำดื่มให้ แม่และน้องชายของผู้เสียหาย ดื่มจนหมดสติและชิงเงินสดและทองรูปพรรณหลบหนีไป จนกระทั่ง วันที่ 26 มี.ค.๖๕ ถูกจับกุมตัวได้ ขณะนำสร้อยคอทองคำ จำนวน 2 บาท ไปขายที่ร้านทองกระต่ายคู่ ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 โดยใช้แสดงชื่อในการขายคือ “น.ส.อลิสา มาลีเมาะ”ทำทีบอกร้านทองว่า บัตรประชาชนหาย แต่ผู้ต้องหาได้ถ่ายภาพไว้ และแสดงให้ร้านทองดูทางโทรศัพท์มือถือ ทางร้านทองจึงหลงเชื่อ แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน 

จากการสอบสวนรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค.65 เวลาประมาณ 19.20 น. ได้นำสร้อยคอทองคำ และกำไลทองคำที่ลักมาได้รวม 3 บาทไปขายที่ร้านทองย่งเซ่งฮง ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กทม. ได้เงินมา 86,000 บาทโดยใช้ชื่อผู้อื่นในการแสดงตนเพื่อขายทอง คือ “น.ส.ลักษิกา จำจำปา” และปลอมตัวแต่งกายเป็นหญิงมุสลิม สวมผ้าคลุมศีรษะคล้ายฮิญาบปิดบังใบหน้าเพื่อนำทองคำไปขาย จากนั้นหลบหนีไปพักอาศัยที่ ห้องเช่าหลังวัดเพลง ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 โดยจากการตรวจสอบภายในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหายังพบภาพถ่ายบัตรประชาชนของบุคคลอื่นจำนวนมาก สอบถามแล้วยอมรับว่าเอามาจากอินเตอร์เน็ตเพื่อไว้ใช้ในการหลอกสมัครงานและทำธุรกรรมต่างๆ  สาเหตุที่ทำเนื่องจากระหว่างเรียนเกิดตั้งครรภ์มาแล้ว 7 เดือน เลยต้องหยุดเรียนตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว เพื่อเลี้ยงลูก จากการตรวจสอบเชื่อว่าน่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้ ฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ หากจะรับสมัครลูกจ้างเข้าทำงาน ให้ตรวจดูประวัติและบัตรประชาชนให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงเพื่อมิให้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการก่อเหตุและสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน หากมีผู้เสียหายอื่นที่ผู้ต้องหานี้เคยไปก่อเหตุแล้วหลบหนีไป สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ สน.แสมดำ

ต่อมา เมื่อเวลา13.00 น.ที่ร้านห้างทองแกรนด์เยาวราช พระราม2 พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สน.แสมดำ ,พ.ต.ท.เจษฎา อ่อนทองคำ รอง ผกก.สส.สน.แสมดำ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.แสมดำและ กก.สส.บก.น.9 ร่วมกันคุมตัวนางศิรดา หรือฝน สงวนนามสกุล อายุ 25 ปี (ผู้ต้องหา)มาทำแผนชี้จุดเกิดเหตุ ที่ร้านทองแกรนด์เยาวราชตลาดดี แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. เพื่อนำมาประกอบคำรับสารภาพในสำนวนต่อพนักงานสอบสวน สน.แสมดำ

ด้านเจ้าของร้านทองเปิดเผยว่า "วันเกิดเหตุ คนก่อเหตุได้ผสมยากับน้ำดื่ม ซึ่งเป็นน้ำใบเตย โดยก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาได้เดินมาถาม ว่าเราดื่มน้ำใบเตยใช่ไหมค่ะ เราก็บอกว่าใช่ โดยช่วงบ่ายเค้าเลยเดินไปใส่ยาในน้ำ และคิดว่าที่ผู้ต้องหาทำไปไม่ได้จะเอาทรัพย์สินเพียงเท่านี้ ส่วนลูกชายตนก็โดนเช่นกัน โดยใส่ยาสลบในน้ำขวดเป็ปซี่ ในช่วงแรกที่ใส่ลูกชายไม่ได้ดื่ม จึงเดินไปซื้อขวดใหม่มา ในส่วนที่ตนเองนั้นสลบไปทางลูกชายคิดว่าตนนอนหลับ เลยปิดไฟเพื่อให้เพื่อให้นอนพักผ่อน จังหวะนั้นลูกสาวได้กลับมาที่ร้าน ถือว่าโชคดีที่ทางแฟนที่อยู่อีกร้านเห็นความผิดปกติเลยมาดูและช่วยเหลือไว้ทัน" 

เบื้องต้นหลังเสร็จสิ้นการทำแผนประกอบคำรับสารภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนางศิรดา(ผู้ต้องหา)ส่งพนักงานสอบสวนพร้อมนำสำนวนเตรียมส่งฝากขังศาลอาญาธนบุรีเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ