ข่าว

"หมอปลา" ควงคู่ ทนายไพศาล บุกสำนักหมอดู ก่อนพ่วงขายตรง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผู้เสียหายร้อง "หมอปลา" , ทนายไพศาล หลังถูกแม่หมอลงนะหน้าทอง หลอกดูดวง พ่วงขายตรง ให้ซื้อสบู่อาบแล้วรวย สูญเงินกว่าล้านบาท

      

     ทีมข่าวพูดคุยกับ นางพัชรีรัตน์ อภิเดชเจริญภัคดี อายุ 53 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนได้รู้จักกับอาจารย์ทิชา โดยเพื่อนในเฟซบุ๊กแนะนำ ว่าอาจารย์คนนี้ มีความสามารถพิเศษ ในการดูดวง เสริมดวง โดยการใช้บทสวดมนต์ ที่ตรงกับดวงเรา ตนจึงสนใจดูดวงทางโทรศัพท์ ในราคา 999 บาท เริ่มจากการเปิดไพ่แล้วรู้สึกว่า หมอดูคนนี้ ทักมา แม่น ตรง ทักว่า ดวงค้าขาย กำลังมา ให้เริ่มธุรกิจขายของออนไลน์ จากนั้น มีการหลอกขาย ให้สั่งผลิตภัณฑ์ที่ตัวแม่หมอเป็นผู้ผลิต และจำหน่าย เช่น สบู่น้องร้อยล้าน เมตตามหานิยม เสริมดวงการทำงาน  ครีมกันแดด เมตตามหาเสน่ห์ เสริมโชคลาภ บารมี 

นอกจากนี้ยังมีการหลอกล่อให้สักลายมือก่อน เพื่อเสริมดวงการค้าขาย ก่อนจะรับผลิตภัณฑ์จากอาจารย์ไปขายต่อ ทำให้ตนเองหลงเชื่อจึงได้ทำการสั่งซื้อสบู่เป็นล็อตแรก จำนวนเงินประมาณ 4 แสนบาท / ล็อตที่ 2 สั่งซื้อครีมกันแดด เป็นเงินประมาณ 3 แสนบาท โดยหลังจากได้สินค้ามาแล้ว กลับขายไม่ดี จึงติดต่อไปที่ อาจารย์ อีกครั้ง อาจารย์จึงแนะนำและพาเดินสายทำบุญเพื่อเป็นการเสริมดวง และทำพิธีบวงสรวง ลักษณะเหมือนพิธีชิงเปรต ที่บ้านของตนเอง ซึ่ง อาจารย์ทิชา บอกว่า การแย่งกินของบวงสรวง จะช่วยส่งบุญให้ถึงเทวดา ตนก็เชื่อ สูญเงินไปอีกประมาณ 2 แสนบาท สุดท้ายของก็ยังสต๊อกอยู่เต็มบ้าน ขายไม่ได้ 

จากนั้นตนขอให้อาจารย์ ซื้อสินค้าคืน แต่อาจารย์ก็เงียบหายไป พยายามติดต่อก็ไม่ยอมคุยด้วย จึงมาร้องเรียนกับ "หมอปลา" และ ทนายไพศาล 

       

ทนายไพศาล พาผู้เสียหายไปเจรจากับอาจารย์ทิชา แต่ปรากฏว่าอาจารย์ทิชาไม่ออกมาเจรจาด้วย แต่ให้คุยกับทนายความแทนผ่านทางโทรศัพท์ โดยทนายของอาจารย์ทิชาบอกว่า อาจารย์ไม่สบายใจที่จะออกมาเจรจาโดยที่ไม่มีทนายความของตัวเองมาอยู่ด้วย พร้อมกับขอเบอร์โทรศัพท์ทนายไพศาลเพื่อที่จะติดต่อกลับมาคุยเรื่องคดีความ

กระทั่งสื่อมวลชนลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านสุคนธสวัสดิ์ 1 ซึ่งเป็นบ้านของอาจารย์ โดยได้ทำการขออนุญาตนิติบุคคลแล้ว ซึ่งนิติบุคคลอนุญาตให้สื่อมวลชนบางส่วนเข้าไปในพื้นที่ส่วนกลาง แต่ปรากฏว่าบ้านปิดประตูเงียบ ไม่พบอาจารย์ทิชาอยู่ในบ้าน ทราบจากทางนิติบุคคลว่า อาจารย์ขับรถยนต์ส่วนตัวออกจากบ้านไปก่อนหน้านี้แล้ว 

    จากนั้น หมอปลา ทนายไพศาล พาผู้เสียหายเดินทางมาที่ สน.โคกคราม เพื่อแจ้งความ เข้าพบ ผกก.สน.โคกคราม ระหว่างพูดคุย หมอปลาพูดถึงประเด็นการรับแจ้งความ ว่า พนักงานสอบสวน มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พูดจาไม่ดี ทำให้ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ และเกิดความกลัวทั้งๆที่เป็นผู้เสียหาย / จึงมีการโต้เถียงกันระหว่างหมอปลา กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

"หมอปลา" ควงคู่ ทนายไพศาล บุกสำนักหมอดู ก่อนพ่วงขายตรง

       

ขณะที่ นายจิระพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา นำเครื่องรางของขลัง เป็นนางกวัก และตุ๊กตาลูกเทพ ชื่อน้องรถเบนซ์ ซึ่งทางผู้เสียหายได้บูชามาจากอาจารย์ทิชา โดยอาจารย์ทิชาอ้างว่าหากนำไปบูชาแล้วจะร่ำรวย ได้ขับรถเบนซ์ แต่หมอปลาเชื่อว่า เป็นการหลอกลวงและไม่เป็นความจริง จึงได้เปลี่ยนชื่อตุ๊กตาลูกเทพจากน้องรถเบนซ์ เป็นน้องตอแหล

ส่วนตัวเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายที่ถูกอาจารย์ทิชาหลอกลวงลักษณะแบบนี้อีกหลายราย อยากให้แจ้งมาที่สื่อมวลชน หรือทางหมอปลา และทนายไพศาล เพราะผู้เสียหายหลายคนเวลาไปแจ้งความในพื้นที่ เจ้าหน้าที่บางคน ไม่เต็มใจบริการประชาชน ทำให้ประชาชนต้องมาพึ่งสื่อมวลชนแทน

พร้อมฝากเตือนว่าไม่มีใครที่จะรวยได้ด้วยวิธีการแบบนี้ คนที่จะรวยก็มีแต่เจ้าของกิจการเท่านั้น ก่อนที่จะนำน้องรถเบนซ์ ตุ๊กตาลูกเทพมาบีบคอและทุ่มไปที่พื้นเพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งแบบนี้ไม่มีจริง 

    โดยกรณีนี้ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ อธิบายว่า พฤติการณ์ดังกล่าว เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อาหารและยา ฐานโฆษณาเกินจริงและอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ซึ่งจากการตรวจสอบเลขที่ใบจดแจ้ง พบว่า หมดอายุไปตั้งแต่มกราคม 2565 นอกจากนี้เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ขายตรงและการตลาดตรง และ ความผิดฐานฉ้อโกง 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ