จ.กาฬสินธุ์ ห้ามมิให้มีการเผา ลักลอบเผาป่าโดยเด็ดขาด กำหนดระวางโทษผู้ทำการจุดไฟเผาป่าหรือปล่อย ให้ลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่า คาดโทษสูงสุด
กรณีเกิดไฟไหม้ป่าเชิงเขาภูสิงห์ ด้านหลังวัดพุทธาวาสภูสิงห์ อ.สหัสขันธ์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวานนี้ (16 มี.ค. 65) ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมกำลังฉีดสกัดและทำแนวกันไฟ ใช้เวลานานกว่า 7 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
วันนี้ (17 มี.ค. 65 ) นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งการให้ นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงสำรวจจุดเกิดเหตุ พร้อมด้วย พระครูสิริพัฒน์นิเทศก์ รองเจ้าคณะอำเภอสหัสขันธ์
นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ กล่าวว่า ต้นเพลิงบริเวณด้านหลังภูสิงห์ ทุกฝ่ายได้ระดมกำลังฉีดน้ำสกัดเพลิง และทำแนวกันไฟอย่างสุดความสามารถ กระทั่งเวลาประมาณ 19.30 น.เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.65) สามารถควบคุมได้ แต่เจ้าหน้าที่ยังคอยลาดตะเวนตลอดคืน เพื่อป้องกันการปะทุและลุกไหม้อีก เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง และมีกระแสลมแรงตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม เพื่อความมั่นใจว่าเพลิงได้สงบและดับสนิท ไม่เกิดการลุกลามขึ้นมาอีก ในวันนี้จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสำรวจความเสียหาย พบว่า พื้นที่ที่ถูกไฟป่าโหมไหม้ได้รับความเสียหายประมาณ 500 ไร่ ไม่มีทรัพย์สินของทางวัดเสียหาย ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ
นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำรวจต้นเพลิงอยู่เชิงเขาและด้านหลัง วัดพุทธาวาสภูสิงห์ ประกอบคำให้การของชาวบ้านในละแวกนั้น ทราบว่าสาเหตุของการเกิดไฟป่าครั้งนี้ เกิดจากการกระทำของคน
ซึ่งโดยทั่วไปที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน เพราะต้องการเผาป่า เพื่อที่จะได้มีอาหารป่า ตามธรรมชาติขึ้นมาใหม่ในฤดูต้นฝนที่กำลังจะมาถึง โดยหลังจากเกิดไฟป่า อาหารป่าจำพวกผักหวานป่า หน่อไม้ เห็ดป่า หรือยอดไม้บางชนิดที่รับประทานได้จะเริ่มผลิใบ สามารถหาเก็บได้ง่าย โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายป่า และทำให้สัตว์ป่า สูญพันธ์จากการถูกไฟไหม้ และยังเป็นการกระทำผิดกฎหมายร้ายแรงอีกด้วย
พรบ.คุ้มครองป่าทุกประเภท และ พรบ.คุ้มครองสัตว์สงวน ได้กำหนดบทลงโทษไว้สูงมาก ทั้งนี้ ในส่วนของประกาศ จ.กาฬสินธุ์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ออกประกาศ ห้ามมิให้มีการเผา ลักลอบเผาป่าโดยเด็ดขาด ออกประกาศประจำปี 2565
กำหนดระวางโทษผู้ทำการจุดไฟเผาป่า หรือปล่อยให้ลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่า ถือเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือเผาป่าเสียหายพื้นที่เกิน 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท
ทั้งนี้ทางจังหวัดได้มีคำสั่งไปส่วนราชการ ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกแห่งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ชมพิศ ปิ่นเมือง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.กาฬสินธุ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง