สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจงการดำเนินคดีกับรุ่นพี่ "รับน้อง" ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ทำรุ่นน้องถึงตาย ยังไม่มีการแจ้งข้อหา อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบสวนปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
15 มี.ค.2565 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับรุ่นพี่ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จังหวัดนครราชสีมา ที่ได้นำรุ่นน้องออกไปจัดกิจกรรม รับน้อง นอกสถานที่ แล้วต่อมาเกิดเหตุรุ่นน้องจำนวน 1 รายได้รับบาดเจ็บและได้เสียชีวิตขณะนำตัวรักษาที่โรงพยาบาล เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มี.ค.65 ในพื้นที่ สภ.มะเริง จว.นครราชสีมา โดยพนักงานสอบสวน ได้รับคำร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มรุ่นพี่ที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมายไว้แล้ว และได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ สอบปากคำพยาน รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าร่วมทำกิจกรรมรับน้องในไร่อ้อยแห่งหนึ่งของพื้นที่ สภ.มะเริง จ.นครราชสีมา ระหว่างทำกิจกรรมนั้นผู้เสียชีวิตได้เกิดหมดสติไป จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สำหรับประเด็นที่มารดาผู้เสียชีวิตได้ติดใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวน ได้ทำการส่งศพไปให้แพทย์นิติเวชทำการชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตายโดยละเอียด ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ และพนักงานสอบสวนได้เร่งทำการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้หนึ่งผู้ใด อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบสวนปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีด้วยความรวดเร็ว พิสูจน์ทราบทำความจริงให้ปรากฏ ด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เน้นหลักนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญในการรวบรวมพยานหลักฐานมาประกอบคดี พร้อมขอให้ยกกรณีดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ ที่ผ่านมามีความสูญเสียถึงแก่ชีวิตไปแล้วจำนวนหลายราย โดยขอฝากไปยังผู้บริหารคณะครูอาจารย์ของสถาบันต่างๆ ให้ช่วยลงมากำกับดูแลและเข้มงวดในการจัดกิจกรรมของนักเรียนนักศึกษา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียในลักษณะเช่นนี้ เมื่อเกิดเหตุแล้วอาจนำมาซึ่งความสูญเสียความเสียใจและไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้
รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังได้เตือนไปยังรุ่นพี่ของสถาบันต่างๆ ว่าการรับน้องเป็นประเพณี หรือธรรมเนียมปฏิบัติของสถาบันที่สืบต่อกันมา ทั้งนี้ควรจัดกิจกรรมให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ คำนึงถึงความปลอดภัย ความพร้อมร่างกาย จิตใจ ของรุ่นน้อง หรือผู้เข้าร่วมแต่ละบุคคล ควรปรึกษาครูอาจารย์ของสถาบันให้ช่วยกำกับดูแล หากทำไปโดยพลการ ไม่ว่าจะเป็นด้วยความคึกคะนอง หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วเกิดการบาดเจ็บ หรือสูญเสีย ตัวผู้กระทำเองก็จะถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เสียประวัติ และอนาคต
ทั้งนี้หากต้องการแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสใดๆ สามารถแจ้ง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ สายด่วนจราจร 1197 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง