ข่าว

มนัญญา เตรียมหารือ รมว.เกษตรฯ เร่งแก้ปัญหาโควตา "นมโรงเรียน"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รมช.มนัญญา เตรียมหารือ รมว.เกษตรฯ เร่งแก้ปัญหาโควตา "นมโรงเรียน" ช่วยเหลือสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมให้ได้รับความเป็นธรรมทุกฝ่าย

รมช.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังประชุมหารือการแก้ไขปัญหาโครงการอาหารเสริม "นมโรงเรียน" และรับมอบหนังสือพิจารณาหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียน จากตัวแทนชุมนุมสหกรณ์  นมไทย - เดนมาร์ค จำกัด พร้อมด้วย นายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ว่า ภายหลังได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว จะนำข้อร้องเรียนของตัวแทนชุมนุมสหกรณ์นมไทย- เดนมาร์ค จำกัด เข้าหารือกับ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา

มนัญญา เตรียมหารือ รมว.เกษตรฯ เร่งแก้ปัญหาโควตา "นมโรงเรียน"

ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอต่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานให้สามารถมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ "นมโรงเรียน" ได้ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้รับงบประมาณจากรัฐบาลที่จัดสรรให้ดำเนินการปีละกว่า 14,000 ล้านบาท สำหรับผลิต "นมโรงเรียน" ที่มีคุณภาพให้แก่เด็กนักเรียนของไทยได้ดื่มนม และยังช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้ความสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้จากข้อร้องเรียนของชุมนุมสหกรณ์โคนมไทย - เดนมาร์ค จำกัด ที่ได้มีการประชุมร่วมกันในหลายครั้งที่ผ่านมา พบว่า มีหลายประเด็นที่จะต้องตรวจสอบความถูกต้องให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร อาทิ

 

1. การจัดสรร "โควตานมโรงเรียน" ให้กับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ปีการศึกษาละ 96 ตัน เป็นจำนวนที่เหมาะสมหรือไม่ หากเทียบกับจำนวนเกษตรกรที่ อ.ส.ค. จะต้องรับซื้อน้ำนมดิบวันละประมาณ 700 ตันต่อวัน หรือร้อยละ 9 ของโครงการ "นมโรงเรียน" ที่จะใช้นมดิบทั้งระบบประมาณ 1,200 ตันต่อวัน จากผลผลิตนมทั้งประเทศ 3,500 ตันต่อวัน

 

2. คุณภาพนมดิบที่เข้าโครงการเป็นไปตามมาตรฐานที่มีการกำหนดหรือไม่ เนื่องจากเกษตรกรระบุว่า ในบางพื้นที่ยังพบปัญหาคุณภาพน้ำนมยังไม่ได้มาตรฐาน แต่บางโรงงานนำไปผลิตเข้าโครงการได้ ซึ่งเรื่องนี้เห็นควรต้องมีการมาวางระบบตรวจสอบให้ถูกต้องและชัดเจน

 

และ 3.การที่มีผู้ประกอบการไปจัดตั้งโรงงานผลิตนมขนาดเล็ก 3 – 5 ตัน เพื่อขอรับสิทธิ์เข้า "โครงการนมโรงเรียน" โดยไม่มีที่มาของฟาร์มโคนมที่
นำมาผลิตเป็นวัตถุดิบ กรณีนี้จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นจริงตามข้อร้องเรียนหรือไม่ เป็นต้น 

เจตนารมณ์ของโครงการ "นมโรงเรียน" คือ ต้องการให้นักเรียนของไทยได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ และขณะเดียวกันก็ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยมีความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ ที่ผ่านมาจึงได้มีการกำหนดรูปแบบโครงการว่า นมที่เข้า "โครงการนมโรงเรียน" ส่วนหนึ่งจะต้องมาจากเกษตรกร แต่จะเห็นว่าปัจจุบัน อ.ส.ค. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจมีหน้าที่รับซื้อ รับผิดชอบนมจากเกษตรกร ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 4,500 ครัวเรือน ปริมาณน้ำนมดิบ 700 ตันต่อวัน แต่ได้สิทธิ์ "โควตานมโรงเรียน"เพียง 96 ตันต่อวันที่เหลือเป็นภาคส่วนอื่นที่ได้รับโควตาไป แต่เมื่อเกิดปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร ทั้งราคาน้ำนม คุณภาพน้ำนม นมโรงเรียนบูด นมโรงเรียนเสีย

 

อ.ส.ค. เป็นหน่วยงานแรกที่ถูกร้องเรียน ในขณะที่ อ.ส.ค.  มีส่วนผลิตเพียงร้อยละ 9 เท่านั้น และสัดส่วนนมโรงเรียน 96 ตันต่อวัน ไม่สามารถที่จะดูแลสมาชิกสหกรณ์โคนมได้อย่างครอบคลุม ทำให้เกษตรกรเดือดร้อน รวมถึง อ.ส.ค. ยังต้องแบกภาระสต็อกน้ำนม UHT กว่า 30,000 ตัน เนื่องจากประสบปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ดังนั้น จะเสนอ รมว.เกษตรฯ ให้นำเรื่องนี้หารือในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยเร่งด่วน จะไม่รอให้เกษตรกรต้องขนนมมาทิ้งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา รมช.มนัญญา กล่าว

 

ด้านนายสมาน เหล็งหวาน ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์นมไทย -เดนมาร์ค จำกัด มีข้อเสนอในหนังสือให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณา ดังนี้ 1. ทบทวนพิจารณา "โควตานมโรงเรียน" ให้กับกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์โคนมที่มีเกษตรกรเลี้ยงโคนมเป็นสมาชิก ก่อนผู้ประกอบการบางรายที่ไม่มีโคนม และให้ยกเลิกคุ้มครองโรงงานโรงนมเล็กทั้งหมดซึ่งไม่เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรและนักเรียน ให้ยกเลิกทั้งขนาด 5 ตัน และ 3 ตัน มิฉะนั้นจะเกิดโรงใหม่ขึ้นทุกปี แต่จำนวนเด็กนักเรียนตามงบประมาณเท่าเดิม

 

2. ให้สหกรณ์ที่มีเกษตรกรเลี้ยงโคนมจริงเป็นสมาชิก และได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ซื้อขายน้ำนมดิบระหว่างกัน และต้องการขอสิทธิ์ "โควตาทำนมโรงเรียน" โดยขอจัดสรรสิทธิ์โควตาให้เป็นไปตามสัดส่วนการรับน้ำนมดิบที่เป็นธรรมและโปร่งใส(เกษตรกรตัวจริง)ที่รวมตัวเป็นสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรตัวจริง

 

3.ยกเลิกหลักเกณฑ์ เงื่อนไขคุณสมบัติผู้ประกอบการ "นมโรงเรียน" อนุญาตประกอบกิจการโรงงานเฉพาะกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์โคนม โดยให้สามารถจ้างโรงงานผลิตภัณฑ์นมในพื้นที่ที่มีกระบวนการผลิตผ่านหลักเกณฑ์อาหารเสริม (นม) โรงเรียน เป็นไปตามข้อกำหนด 4. พิจารณาให้กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ได้สิทธิ์โควตา เข้าไปทำนมโรงเรียนง่ายและมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มน้ำนมที่ผลิตได้ และเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้สหกรณ์และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมมีตลาดที่แน่นอน มั่นคง และยั่งยืน

 

5. ให้จัดสรรสิทธิ์ตามสัดส่วนการรับน้ำนมดิบของเกษตรกร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและยุติธรรม และ 6. ให้ตรวจสอบผู้ประกอบบางรายที่ไม่รับน้ำนมดิบจากเกษตรกรแต่กลับมาได้งบในโครงการนมโรงเรียน 

 

นายสมาน ระบุว่า เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากการจัดสรร "โควตานมโรงเรียน" ซึ่งมองว่าไม่เป็นธรรมกับภาคเกษตรกร จึงต้องมาขอความเป็นธรรมจากรัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ