ข่าว

อ.เจษฎ์ ชี้อันตราย "กัมมันตภาพรังสี" หวั่นสงครามพาซ้ำรอย "เชอร์โนบิล"

อ.เจษฎ์ ชี้อันตราย "กัมมันตภาพรังสี" หวั่นสงครามพาซ้ำรอย "เชอร์โนบิล"

05 มี.ค. 2565

รศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้โพสต์ ชี้ ให้เห็นถึงความอันตรายของ "กัมมันตภาพรังสี"​​​​​​​ จากเหตุการณ์โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล

รศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์  (อ.เจษฎา) อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ เกี่ยวกับประเด็น ความอันตรายของ "กัมมันตภาพรังสี" โดยโพสต์ทั้งหมดระบุดังนี้

 

 

เรียนรู้อันตรายจากกัมมันตภาพรังสี จากกรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เชอร์โนบิล จากกรณีที่กองทัพรัสเซียบุกเข้าโจมตีและยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย ที่เมืองเอเนอร์โฮดาร์ ประเทศยูเครน ได้สำเร็จ โดยมีการยิงปืนใหญ่ใส่

 

 

จนทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น และทำให้สังคมโลกตระหนักถึงผลกระทบของสงครามที่อาจจะทำให้เกิด "อุบัติเหตุนิวเคลียร์" ขึ้นได้ซึ่งการที่เราจะประเมินถึงผลกระทบที่อาจเกิดตามมาจากอุบัติเหตุนิวเคลียร์นั้น สามารถเอาบทเรียนสมัยที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล เมื่อเกือบ 35 ปีก่อนมาดูแนวทางได้ ดังนี้ครับ

 

 

- โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล (หรือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์วลาดิมีร์ เลนิน) เกิดอุบัติเหตุระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2529

 

- บางแหล่งข้อมูลระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 2 รายในการระเบิดครั้งแรก ขณะที่แหล่งอื่น ๆ รายงานว่าตัวเลขดังกล่าว เกือบแตะ 50 คน

 

-วันที่ 27 เมษายน ประชาชนชาวปริเปียตกว่า 30,000 คนเริ่มอพยพ รัฐบาลโซเวียตพยายามปกปิดข่าวการระเบิด แต่ในวันต่อมา สถานีเฝ้าระวังของประเทศสวีเดน รายงานว่าระดับกัมมันตภาพรังสีในอากาศสูงกว่าผิดปกติ ทางรัฐบาลโซเวียตจึงได้ออกมายอมรับ

 

- การระเบิดได้เกิด ขี้เถ้าปนเปื้อน "กัมมันตภาพรังสี" ที่รั่วไหลเข้าสู่ในอากาศนานเกือบ 2 สัปดาห์ สารกัมมันตภาพรังสีจำนวน 50-185 ล้านคิว หลุดออกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ ในญี่ปุ่นหลายเท่า

 

- ฝุ่นกัมมันตรังสี ยังถูกพัดตามลมเหนือ ไปยังประเทศเบลารุส และยูเครน ทำให้ยูเครนและเบลารุส ต้องอพยพฉุกเฉิน พาประชาชนกว่า 300,000 คนออกจากพื้นที่ และประกาศเป็นเขตอันตราย

 

- กระแสลมพัดไกลออกไปจนปกคลุมไปทั่วทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต (รัสเซีย) ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือ ไกลถึงฝรั่งเศสและอิตาลี ส่งผลกระทบต่อผู้คนกว่า 1 ล้านคน

 

- มีผู้คนจำนวนมากป่วยจากการอาบรังสีร้ายแรง ซึ่งบางคนเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้น 1 ปี มีเหยื่อเป็นพันคนเสียชีวิต เพราะป่วยเป็นมะเร็ง

 

- เด็กที่เกิดมา มียีนกลายพันธุ์ และคนจำนวนมากพิการ จนเมืองพริเพียต (ที่ตั้งของโรงไฟฟ้า) ถูกทิ้งร้าง จากการแพร่กระจายของกัมมันตรังสีในปริมาณสูง

 

- พื้นที่ป่าและพื้นที่เพาะปลูก หลายล้านเอเคอร์ ปนเปื้อน และแม้ผู้คนหลายพันคนจะอพยพออกไป แต่ยังมีอีกหลายแสนคนยังคงอยู่ในพื้นที่ปนเปื้อน

ภายหลังการระเบิด พื้นที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร กลายเป็นพื้นที่ที่เรียกว่า “ป่าแดง” เนื่องจากต้นไม้จำนวนมากเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง และตายลง หลังจากดูดซับ "กัมมันตภาพรังสี" ในระดับสูง

 

ในปีต่อ ๆ มา ปศุสัตว์จำนวนมากเกิดมาพิการ และสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยในรัศมี 30 กิโลเมตร ตายเร็วมากขึ้น

  • เมื่อ พ.ศ. 2535 เด็กในยูเครนป่วยเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า
  • ค้นพบหลักฐานของการเกิดต้อกระจก และโรคผิวเผือกมากขึ้น
  • มีการพบสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมยาวนาน ประเมินว่า ถ้าจะลดกัมมันตรังสีจนทำให้ผู้คนอาศัยอยู่ได้ตามปรกติ จะต้องใช้เวลากว่า 20,000 ปี !!
  • ปัจจุบัน เบลารุสมีพื้นที่ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีประมาณ 23% สูญเสียพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 1 ใน 5