ข่าว

สภาพิจารณา "ร่างกฎหมายลูก" ถกเดือดปมเบอร์เดียวทั้งคนทั้งพรรค

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รัฐสภา เริ่มพิจารณา "ร่างกฎหมายลูก" แล้ว ประเดิม พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ชลน่าน-วิเชียร-ปดิพัทธ์ นำเสนอเนื้อหา ย้ำสูตรคำนวณ ส.ส.-ยังเห็นแย้ง ปมเบอร์เดียวหาเสียง ทั้งคนทั้งพรรค

วันที่ 24 ก.พ.65 นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณา "ร่างกฎหมายลูก" 2 ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ... และ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่...) พ.ศ... ซึ่ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) และ ส.ส. เข้าชื่อเสนอรวม 10 ฉบับ 

 

ทั้งนี้ในการพิจารณา ที่ประชุมรัฐสภาได้ตกลงว่าจะพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ... ที่มีผู้เสนอรวม 4 ฉบับให้แล้วเสร็จ และตั้งกรรมาธิการวิสามัญ จากนั้นจะพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่...) พ.ศ... ที่มีผู้เสนอรวม 6 ฉบับ ต่อเนื่อง 

 

จากนั้นตัวแทนผู้เสนอร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ได้นำเสนอสาระสำคัญตามเนื้อหาที่เสนอ โดยนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำเสนอสาระฉบับของ ครม. ในสาระสำคัญว่า ได้แก้ไขปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่1) พ.ศ.2564 มาตรา 83 มาตรา 96 มาตรา91 ที่ให้มีส.ส.รวม 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 400 คนและส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และแก้ไขสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
 

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำเสนอสาระสำคัญว่า ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ.... มี 31 ประเด็น และมีบทเฉพาะกาล เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

 

ทั้งนี้มีประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่ต้องเขียนเนื้อหาเพื่อให้การแบ่งเขตเลือกตั้งไม่ก่อให้เกิดปัญหาเหมือนการเลือกตั้ง ปี 2562  แม้ "ร่างกฎหมายลูก"กำหนดหลักเกณฑ์ชัดเจน แต่มีปัญหาในการปฏิบัติ ไม่มีความเป็นธรรม เอื้อให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม เขตติดต่อกันที่เขียนในกฎหมาย แต่ติดต่อแบบลากตามอำเภอใจ เว้าแหว่ง ไม่คำนึงถึงประเพณีของชุมชน และจำนวนประชากร บางเขตห่างกัน 5หมื่นคน เช่น ที่จ.เชียงใหม่ เขต 1 และ เขต 2 ที่มีผลต่อการลงคะแนน ดังนั้นจึงกำหนดว่า ในจังหวัดใดเลือกตั้งเกิน 1 คนให้แบ่งพื้นที่แต่ละเขตติดต่อกัน มีผลต่างจำนวนของราษฎรในเขตเลือกตั้งไม่เกิน 10% ซึ่งปัจจุบันมีฐานตัวเลขที่ 1.6 แสนคนต่อเขต

 

นพ.ชลน่าน อภิปรายด้วยว่า กำหนดหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร ส.ส.และพรรคการเมืองโดยพรรคเพื่อไทย กำหนดเนื้อหาให้พรรคการเมืองและผู้สมัคร ส.ส. ใช้หมายเลขเดียวกันทั้งประเทศ ซึ่งนำเนื้อหาร่าง พ.ร.ป.ที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอไว้ตอนแรกบัญญัติไว้ แต่ภายหลังสำนักงานกฤษฎีกาและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ระบุว่า จะขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 90 จึงเปลี่ยนไปไม่ใช้เบอร์เดียวกัน ซึ่งตนไม่แน่ใจเจตนารมณ์ของการแก้ไขดังกล่าว ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยจึงเขียนเนื้อหาให้ใช้หมายเลขเดียวกัน โดยวันที่ส่ง ส.ส.แบบเขต ไม่จำเป็นต้องจับหมายเลข เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ จากนั้นวันต่อไปเมื่อส่งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อให้จับหมายเลขเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง

ในการเลือกตั้งปี 2550 มีการแบ่งเขตเลือกตั้งและบัญชีเขตใหญ่ 8 เขต ที่มีหมายเลขแตกต่างกันพบความโกลาหล สับสนวุ่นวายพรรคการเมืองลำบากหาเสียงบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขต ไม่สามารถหาเสียงให้พรรคการเมืองได้ และเป็นต้นเหตุให้การเลือกตั้งไม่สุจริต  ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเพื่อให้ได้คะแนนเฉพาะตัวเอง ใช้สินจ้าง ทำให้พรรคการเมืองถูกทำลายตั้งแต่วันแรกที่เข้าคูหา ขัดขวางการมีส่วนร่วมประชาชนที่จะได้รับความเข้าใจต่อหมายเลข ที่กกต. บอกว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ประโยชน์จากบัตรใบเดียว ผมมองว่าทุกพรรคได้ประโยชน์ในการรณรงค์หาเสียง นพ.ชลน่าน กล่าว

 

ชลน่าน อภิปรายอีกว่า การแก้ไขให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่ให้มีหมายเลขแตกต่างกัน เจตจำนงที่คิดได้ คือ ต้องการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และระบบรัฐสภา ส่วนการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ทุกฉบับเห็นตรงกันโดยใช้หารจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เขียนชัดว่าการจัดสัดส่วนคะแนนเพื่อหาจำนวน ส.ส.ให้ใช้ตัวเต็ม เช่น พรรคเพื่อไทยได้ 40.8 ให้นำตัวเลข 40 จัดสรรตามรายชื่อ เมื่อคำนวณกับทุกพรรค ได้ส.ส. 90 คน จากนั้นให้นำ  10 คนไปหาส.ส. จัดลำดับจากทศนิยม จากทุกพรรคที่ได้รับ เข้าระบบ เพราะไม่มีกำหนดขั้นต่ำเพื่อให้พรรคเล็กพรรคน้อย ได้ส.ส.เข้าสภา ซึ่งตนมองว่าเป็นวิธีที่เป็นธรรม

 

ขณะที่นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นำเสนอสาระ ต่อสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า เนื้อหาที่เสนอแก้ไข กำหนดความสำคัญ ให้ใช้การคำนวณเป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์กันโดยตรงกับคะแนนรวม โดยมีรายละเอียด คือ ให้นำคะแนนที่ได้จากการลงคะแนนให้กับ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ของทุกพรรครวมกัน จากนั้นให้หารด้วยจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อที่มี 100 คน เช่น มีคะแนนรวม 30 ล้านคะแนน หาร 100 คนจะได้คะแนนเพื่อนำไปคำนวณส.ส.ที่แต่ละพรรคการเมืองพึงมี ซึ่งจะใช้จำนวนเต็มของคะแนน ทั้งนี้การหาจำนวนดังกล่าวหากได้ส.ส.ไม่ครบ 100 คน ดังนั้นต้องพิจารณาในคะแนนที่เศษเหลือ โดยเรียงลำดับจากมากสุดไปน้อยสุด และไล่ตามลำดับให้ครบจำนวน 100 คน 

 

สำหรับมาตรา 90 ของรัฐธรรมนูญ ที่ไม่มีการแก้ไข ดังนั้นเจตนารมณ์ คือ ต้องส่งผู้สมัครส.ส.แบบเขตเลือกตั้งแล้ว จึงจะมีสิทธิส่งผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งกระบวนการส่งส.ส.เขต ต้องทำให้แล้วเสร็จจนได้รับหมายเลขของผู้สมัคร ส.ส.เขตแล้ว นายวิเชียร กล่าว

 

นายวิเชียร อภิปรายด้วยว่า สำหรับเรื่องหมายเลขผู้สมัครที่กังวลว่า จะทำให้ประชาชนสับสน ลงคะแนนยาก เพราะหมายเลขแตกต่าง บัตรใบที่หนึ่ง ไม่มีข้อกังขาใด ประชาชนมีความสามารถ ใช้วิจารณญาณในการเลือกตั้งผู้แทนคนดี ไปเป็นส.ส. ส่วนบัตรใบที่สองพรรคการเมือง ประชาชนสามารถรับรู้ข่าวสาร นโยบายการทำงานของแต่ละพรรคได้ และเลือกตัวแทนที่เหมาะสมทำงานในสภาได้ ไม่มีใครชี้นำหรือชักจูงในการเลือกตั้งหมายเลขใดได้ ผมเชื่อในวิจารณญาณที่บอกว่าจะสับสน มองว่าประชาชนไม่มีความสามารถใช้ดุลยพินิจนั้น เป็นไปไม่ได้นายวิเชียร อภิปราย

 

ขณะที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล อภิปรายต่อสาระที่แก้ไข ว่า พรรคการเมืองไม่ควรพูดกันว่าใครได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ แต่ควรพิจารณาว่าการเลือกตั้งแบบใดที่ประชาชนยอมรับ และได้เวทีเลือกตั้งเพื่อสร้างฉันทามติ กกต.จัดการเลือกตั้งที่เที่ยงธรรม โดยพรรคก้าวไกล เสนอให้ใช้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส.แบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อเดียวกันเพื่อป้องกันความสับสนในการลงคะแนนของประชาชน นอกจากนั้นกกต. ต้องให้การสังเกตการเลือกตั้งทำได้ และกกต.​ต้องทำอย่างเปิดเผย 

 

นายปดิพัทธ์ อภิปรายด้วยว่าสำหรับการแก้ปัญหาปัดเศษ พรรคก้าวไกลไม่เสนอ แต่พบว่าเมื่อมี ส.ส.ปัดเศษ คือ ไม่เต็มคะแนนฉันทามติของประชาชนที่มีเสียงมากพอเข้าสภาฯ ทั้งนี้ต้องการตัวแทนพรรคการเมือง เข้ามาทำงานฐานะสถาบันทางการเมือง ปัจจุบันพบว่ามีการรวมตัวของ ส.ส.กลุ่ม 16 หากนับคะแนนเสียงเลือกตั้งอาจจะน้อยกว่าส.ส.1 คน แต่พบว่ามีอำนาจต่อรอให้การประชุมเดินหน้าไม่ได้ ทำให้สภาฯล่มซ้ำซาก ทั้งนี้ตนมองว่าการแก้ไขสภาฯ ล่มต้องตั้งเกณฑ์ขั้นต่ำ เพื่อไม่ให้มีอาชีพรับจ้างตั้งพรรคการเมือง
เพื่อลงสมัคร ส.ส. ซึ่งทำลายระบบการเมือง 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ