ปธ.วิปรัฐบาล นิโรธ คาด "2 กม.ลูก" เสร็จ ก.ค.นี้

นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 25-26 ก.พ. 65 ที่เป็นการพิจารณา "ร่าง กม.ลูก" 2 ฉบับ คือ ร่างแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ร่างแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า ร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. จะยึดร่างของคณะรัฐมนตรีเป็นหลัก ส่วนร่างกฎหมายพรรคการเมืองจะยึดร่างของ กกต.

 

นายนิโรธ ไม่ขอแสดงความคิดเห็นกรณีร่างของพรรคเพื่อไทย ที่มีการเสนอแก้ไขมาตรา 28 และมาตรา 29 ที่ปลดล็อกให้คนนอก หรือคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ครอบงำ ชี้นำ พรรคการเมือง แต่ย้ำว่า รู้นะว่ามีเจตนาอะไร ซึ่งการจะให้คนนอกมาแสดงความคิดเห็น ชี้นำ ก็ให้คนนั้นเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคก็หมดเรื่อง จะชี้แนะ แนะนำอะไรก็ทำได้ แต่หากทำแบบนี้ก็จะส่งผลให้กฎหมายบิดเบี้ยว ไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนจะเกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ 

 

สำหรับแนวทางของพรรคร่วม ที่จะมีต่อร่างแก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง ที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย นายนิโรธ ย้ำว่า รัฐธรรมนูญเขียนมาดีแล้ว จะไปแก้ให้บิดเบี้ยวคงไม่ได้ และการแก้ไขครั้งนี้ก็เป็นการแก้ไขให้สอดคล้องกับการเลือกตั้งเท่านั้น และส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว 

เมื่อถามย้ำว่าจะลงมติไม่รับหลักการร่างของพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายนิโรธ บอกว่า จะคุยกันอีกครั้งในที่ประชุมวิปรัฐบาล 

ส่วนกรอบเวลาการพิจารณา "ร่างกฎหมายลูก" 2 ฉบับ นายนิโรธ คาดว่าหลังจากรับหลักการในวาระที่ 1 ก็จะให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมาย ใช้เวลาช่วงปิดสมัยประชุมดำเนินการให้เสร็จ เมื่อเปิดสมัยประชุมก็นำเข้าสู่วาระที่ 2 และ 3 ได้ทันที โดยไม่กังวลว่าพรรคเล็กจะไปยื่นร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องบัตร 2 ใบ และเชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบกับไทม์ไลน์ที่วางไว้ คือต้องแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 

 

นายนิโรธ ยังกล่าวถึงเรื่ององค์ประชุมของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่มีบารมี ว่า บารมีจะเกิดกับการให้ทาน ศีล และปัญญา การที่จะไปพูดอะไรก็เป็นการอวดอ้างบารมี ยืนยันว่าตนเป็นคนอ่อนน้อม แต่ไม่อ่อนแอ และบารมีของตนก็เกิดจากการใช้ปัญญาในการทำงาน อีกทั้งการตรวจสอบองค์ประชุมในสภา ฯ ก็ไม่ใช่การตรวจสอบรัฐบาล แต่เป็นการตรวจสอบการทำหน้าที่ของ ส.ส. ในสภา แต่ก็ถูกนำไปบิดเบือนกันไป 

 

นายนิโรธ ยังมั่นใจว่า รัฐบาลจะอยู่รอด แม้จะถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกรอบ เพราะรัฐบาลมีเสียงมากกว่า 260 เสียงอยู่แล้ว 

ชวน ชี้ ไม่จำเป็นต้องเปิดสมัยวิสามัญพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับในวาระ 2-3 

 

นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และการเลือกตั้งสมาขิกสภาผู้แทนราษฎร ว่า ทางวิป3ฝ่ายหารือร่วมกัน โดยจะต้องพิจารณาให้จบภายในไม่เกิน 2 วัน และจะมีการหารือกันในวันที่จะมีการพิจารณาอีกครั้งว่ากรรมาธิการจะมีชุดเดียวหรือกี่ชุด ซึ่งกฎหมายนั้นมี 2 เรื่อง แต่มี 10 ฉบับ โดยจะมีการพิจารณาครั้งละ 1 เรื่อง แล้วตั้งกรรมาธิการ จากนั้นจะพิจารณาต่ออีกเรื่อง ส่วนเรื่องของเวลาก็กำหนดไว้ให้ฝ่ายละ 6 ชั่วโมง ทั้งนี้ไม่ไม่น่ากังวลเรื่องขององค์ประชุม เนื่องจากเป็นการประชุมร่วมรัฐสภา

 

ส่วนหากกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว จะขอเปิดสมัยวิสามัญหรือไม่ นายชวน ระบุ ไม่มีความจำเป็นจะต้องเปิดประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ ซึ่งคาดว่าในเดือนพฤษภาคม 2565 ที่จะเปิดสมัยประชุมสามัญจะสามารถพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ได้ 

 

ชลน่าน ไม่กังวลรัฐสภาจะตีตกร่างกฎหมายลูกฉบับพรรคเพื่อไทยแต่จะชี้แจงให้เห็นถึงความสำคัญให้มากที่สุด

 

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง การเตรียมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่มีแนวโน้มว่าฝ่ายรัฐบาลจะเตรียมพิจารณาตีตกร่างของพรรคเพื่อไทยว่า การพิจารณากฎหมายลูกครั้งนี้มี 2 ร่างหลักและมีร่างจากพรรคการเมืองอื่นประกบอีก 10 ร่าง

 

โดยเป็นการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวาระรับหลักการ ซึ่งสิ่งที่จะพิจารณาในวันนั้นคือที่ประชุมร่วมของรัฐสภาจะรับหลักการหรือไม่ในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ตนมองว่าร่างกฎหมายฉบับนี้มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขเพราะรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีการปรับเปลี่ยนจำนวนและสัดส่วนของ ส.ส.จากระบบบัญชีรายชื่อ150 เป็น 200 คน ดังนั้นสิ่งใดที่อยู่ในรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับ ส.ส.150 คนต้องแก้ และประเด็นต่าง ๆ ให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสมาชิกว่าจะปรับแก้อย่างไร
   

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยได้ทำใจไว้หรือไม่ว่า ร่าง พ.ร.ป.จะถูกตีตกในวาระรับหลักการ นายแพทย์ชนน่าน กล่าวว่า ให้ขึ้นอยู่กับเสียงข้างมาก และตนจะพยายามแสดงให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้เห็นถึงหลักการและเหตุผลของกฎหมายให้มากที่สุด ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันพรรคการเมือง และชี้ให้เห็นว่ากฎหมายลูกฉบับใหม่นี้บุคคลภายนอกพรรคการเมืองสามารถชี้แนะ และให้คำปรึกษาได้ เนื่องจากพ.ร.ป.พรรคการเมืองฉบับเดิมนั้นมีปัญหากับพรรคการเมืองได้หลายประเด็น

 

เช่น มาตราเกี่ยวข้องกับการยุบพรรคการเมือง เช่น มาตรา 28 มาตรา 29 ที่มีการครอบงำและชี้นำทำให้หลายพรรคการเมืองถูกยุบเนื่องจากไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่บัญญัติให้พรรคเมืองต้องมีอิสระ ดังนั้นทำให้การตีความตามกฎหมายนั้นกว้างพรรคการเมืองถูกยุบไปมาก จึงต้องการให้พรรคการเมืองถูกกลั่นแกล้ง และเกิดการตีความที่ไม่เป็นธรรมและต้องดูพฤติการณ์ด้วยว่าสิ่งที่พรรคการเมืองทำเป็นการขาดความเป็นอิสระหรือไม่