ข่าว

รวบครูสอน "กาแฟ บาริสต้า" เจ้าคารม หลอกตีสนิทสาว เชิดเงิน-รถยนต์ หลบหนี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจกองปราบ รวบครูสอนทำ "กาแฟ บาริสต้า" เจ้าคารม หลอกตีสนิทสาววิทยากรทำขนม จนครอบครัวเหยื่อแตกแยก แถมอ้างมีปัญหาต้องการใช้เงินด่วน พร้อมขอยืมรถ ก่อนเชิดทั้งเงินและรถหลบหนี

พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป. , พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป. และ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.ไพรวรรณ ตั้นหลก รอง สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.มณเฑียร ธงเทียน รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป.  , เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมในการจับกุมประกอบด้วย สน.โคกคราม นำโดย พ.ต.ต.กลยุทธ์ สอนทรัพย์ สว.สส. สน.โคกคราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส. ภ.2 นำโดย พ.ต.ต.เอกกร วรรณทอง สว.กก.สส.1 บก.สส. ร่วมกันจับกุม ครูสอนทำ "กาแฟ บาริสต้า

 

รวบครูสอน \"กาแฟ บาริสต้า\" เจ้าคารม หลอกตีสนิทสาว เชิดเงิน-รถยนต์ หลบหนี

 

นายนพดล (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี บุคคลตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 281/2562 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 ข้อหา "ยักยอก" โดยจับกุมได้ที่บริเวณร้านแห่งหนึ่ง ตำบลคลองเจ็ด อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
 

 

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี พ.ศ.2554 นายนพดลฯ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ประกอบอาชีพเป็นวิทยากรสอนทำกาแฟ (บาริสต้า) ได้เข้ามาทำความรู้จักกับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นวิทยากรทำขนม หญิงสาวที่ศูนย์การเรียนรู้แห่งหนึ่ง ด้วยผู้ต้องหาเป็นคนพูดจาดี คารมคมคาย ทำให้ผู้เสียหายเกิดความรักใคร่ชอบพอ จนทำให้ครอบครัวของผู้เสียหายแตกแยก 

 

หลังจากนั้นผู้ต้องหาได้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจจนถึงระดับหนึ่ง ผู้ต้องหามักจะอ้างว่า ตนต้องการใช้เงินด่วน โดยอ้างปัญหาต่าง ๆ นานา ซึ่งผู้เสียหายก็ยอมให้เงินผู้ต้องหาไป

 

จนกระทั่งปี พ.ศ.2561 ผู้ต้องหาได้อ้างว่า รถยนต์ของตนเสีย จึงขอยืมรถยนต์ของผู้เสียหายไปใช้งาน จากนั้นได้เชิดรถ และหนีออกจากบ้านไป เมื่อผู้เสียหายทวงถาม ผู้ต้องหาอ้างว่า รถของผู้เสียหายเกิดเสียระหว่างใช้งานที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงนำรถไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่ง ในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้เสียหายพยายามติดตามอยู่ตลอด แต่ผู้ต้องหากลับบ่ายเบี่ยง

 

หลังจากนั้น ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้อีก ผู้เสียหายจึงได้แจ้งความร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จนกว่าคดีจะถึงที่สุด พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและ ยื่นคำร้องต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหายังคงหลบหนีการจับกุมไปในพื้นที่ต่าง ๆ หลายจังหวัด
 

 

ต่อมา กก.1 บก.ป. ได้มอบหมายให้ ว่าที่ พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ หลอกลวงเหยื่อ ที่เป็นผู้หญิง อันเป็นภัยร้ายต่อสังคม ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และยังพบว่าผู้ต้องหามีหมายจับ ค้างเก่าติดตัว ยังไม่ถูกจับกุม และยังหลบหนีคดีอยู่

 

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้สืบสวนจนทราบสถานที่กบดาน และทราบว่าผู้ต้องหามาทำงานอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลคลองเจ็ด อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และมักจะตัดผมสั้นเกรียนเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่

 

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 13.40 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียงบริเวณที่ถูกจับกุม เมื่อผู้ต้องหาปรากฏตัว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัว พร้อมแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาให้ทราบ และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

 

ตำรวจสอบสวนกลางเตือนภัย การที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาพูดคุยตีสนิท เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ แล้วได้หลอกลวงขอยืมรถยนต์ โดยอ้างว่าจะมีค่าตอบแทนหรือแกล้งทำมาเพื่อจะอยู่กินด้วยกันเพื่อสร้างครอบครัวหรือช่วยดูแลคนในครอบครัว เมื่อได้รถยนต์หรือทรัพย์สินแล้ว จะเชิดทรัพย์สิน แล้วหายไป ไม่สามารถติดต่อได้ในที่สุด

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ