สามีร้องสื่อจี้ รพ. แจงปม "ภรรยาตายท้องกลม" หลังปล่อยรอคลอดลูกตั้งแต่เช้า

15 ก.พ.65 นาย บัณฑิต (สงวนนามสกุล ) อายุ 24 ปี พร้อมด้วย นาง สายใจ  มารดานายบัณฑิต  อายุ 55 ปี เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กับ ร.ต.อ.สุเมธ ทองทับ ร้อยเวร สภ.เมืองสระบุรี พร้อมร้องเรียนต่อ สื่อมวลชนว่าติดใจกรณีนางสาวกรรณิกา  อายุ 32 ปี  ภรรยานายบัณฑิต ตายท้องกลม เสียชีวิตพร้อมลูกชายภายในครรภ์ หลังเข้าทำการคลอดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจ.สระบุรี 

 

นายบัณฑิต เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา นางสาวกรรณิกา ภรรยา ไปคลอดลูกที่ รพ.แห่งหนึ่ง แต่เสียชีวิตพร้อมลูกในท้อง ตนจึงต้องเรียกร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากตนต้องเสียทั้งลูก และภรรยา   ซึ่งก่อนที่ภรรยาจะเข้าห้องคลอด ได้มีการพูดคุยกันตลอดเวลา แต่ หลังจากนั้นก็ไม่มีการตอบ จึงคาดว่าน่าจะปิดโทรศัพท์ไปแล้ว เนื่องจากอยู่ในห้องคลอดแล้ว จากนั้นหมอได้โทรมาบอกว่า ภรรยา ชีพจรไม่เต้นแล้วตนจึงรีบไปที่ รพ.สระบุรี ตนจึงมาร้องขอความเป็นธรรมว่า ทำไมหมอถึงไม่ช่วยเหลือแฟนตนเอง เนื่องจากว่าลูกของตนได้เสียไปแล้วตั้งแต่ช่วงเช้า และยังอยู่ในครรภ์ของภรรยาตน แต่ทำไมหมอถึงไม่ช่วยเอาเด็กออกมาจากครรภ์ ซึ่งตนเองก็ยินยอมให้หมอทำการผ่าคลอด ซึ่งเด็กก็ตายในท้อง ทำไมหมอต้องให้แม่เด็กทำการคลอดเองอีกทำไม่ทำการผ่าคลอดเอาเด็กออกมา

 

 

 

 

ด้านนางสายใจ  มารดาของ ของนายบัณฑิต  เปิดเผยกับว่า   ตั้งแต่ลูกสะใภ้ตนตั้งครรภ์มา เขาดูแลตัวเองดีมาโดยตลอด จนกระทั่ง ครบกำหนดคลอดในวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา จึงมาหาหมอ หมอได้เลื่อนนัดไปเนื่องจากว่าปากมดลูกยังไม่เปิด เด็กยังไม่สามารถคลอดออกมาเองได้ โดยให้กลับบ้านไปก่อน จากนั้นหมอได้นัดให้มาในวันที่ 14 ก.พ. โดยหมอให้ลูกสะใภ้ อดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 13 ก.พ. ซึ่งเด็กที่อยู่ในครรภ์ก็ยังดิ้นดีอยู่ แข็งแรง ซึ่งน้ำหนักคาดว่าน่าจะประมาณ 3.6-3.7 กก. แต่ช่วงเช้าของ วันที่ 14 หลังจากให้อดอาหาร เวลาประมาณ 6 โมงเช้า ลูกสะใภ้ตนเข้าไปอาบน้ำ ปรากฏว่าเด็กดิ้นแรงผิดปกติ จึงได้รีบมาหาหมอ ตามที่ให้อดอาหาร เพื่อที่จะเข้าห้องผ่าตัด แต่กลับให้เข้าห้องตรวจคลอดตามปกติ และแจ้งว่าให้ไปกินข้าวได้ ทำให้ลูกสะใภ้สงสัยว่าทำไมถึงให้ไปกินข้าวทั้งที่ให้อดข้าวมาทั้งคืน

 

 

 

จากนั้นได้เรียกไปจับระบบหัวใจของลูกสะใภ้ พร้อมกบบอกว่าชีพจรเด็กไม่เต้นแล้ว พร้อมกับบอกว่าให้รีบไปกินข้าว ชีพจรเด็กจะได้เต้น จากนั้นก็ไปกินข้าว แล้วทางหมอก็พาไปเข้าอัลตร้าซาวด์ ถึง 3 ครั้ง จากนั้นจึงได้บอกว่าเด็กที่อยู่ในครรภ์เสียชีวิตแล้ว ไม่หายใจแล้ว หลังจากนั้นปล่อยให้ลูกสะใภ้ตนเองนั่งรออยู่ที่หน้าห้องตรวจคลอดธรรมดา โดยไม่ทำอะไรกับลูกสะใภ้ตน จนกระทั่งบ่าย 3 โมง

 

 

 

 

 

นางสายใจ ยังเล่าอีกว่า ได้สอบถามแพทย์ว่าเด็กเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด กลับได้คำตอบว่าไม่รู้ ซึ่งตนก็ถามกลับไปว่า จะทำอย่างไรให้เด็กออกมาจากท้องแม่ ได้รับคำตอบมาว่ารอหมอก่อน หมอกินข้าวอยู่ ซึ่งตนเห็นว่าไม่มีการช่วยเหลือหรือทำอะไรเลย ตนจึงได้บอกกลับไปว่าจะร้องสื่อนะ เนื่องจากไม่มีการดำเนินการใดๆ ซึ่งทางพยาบาลตอบกลับมาว่า เด็กที่เสียชีวิตแล้วสามารถอยู่ในครรภ์ได้ถึง 2 วัน ซึ่งตนคิดว่าในเมื่อเด็กเสียชีวิตแล้วทำไมไม่ดำเนินการช่วยชีวิตแม่ โดยการผ่าตัดเอาเด็กออกมา 

จากนั้นได้มีหมออีกท่านหนึ่งเข้ามาบอกว่าทำไมไม่ดำเนินการจัดการให้สักที จากนั้นจึงได้มีการนำลูกสะใภ้ไปตรวจ และนำขึ้นไปยังห้องพักฟื้น โดยปล่อยให้นอนรออยู่เฉย ๆ ไม่ทำการใด ๆ บอกว่ารักษาตามขั้นตอน จน 5 ทุ่มก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับลูกสะใภ้ตนเลย ซึ่งเด็กก็เสียชีวิตไปแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล แจ้งมาว่าลูกสะใภ้ของตนได้เสียชีวิตแล้ว 

 

ตนจึงได้มาร้องขอความเป็นธรรมจากโรงพยาบาลที่เกิดเหตุ ว่ามีการรับผิดชอบอะไรบ้างที่ทำให้ตนเอง และครอบครัวต้องมาสูญเสีย 2 ชีวิตไป ทางโรงพยาบาบมัวทำอะไรกันอยู่ ต้องออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางหมอไม่ได้ออกมาดูแลเลย ปล่อยตั้งแต่เด็กเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งจริงถ้าเด็กเสียชีวิตไปแล้วควรจะช่วยชีวิตแม่ แม่จะได้ไม่เป็นแบบนี้ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้แม่คลอดเองทำไมไม่ผ่าเด็กออกมา ซึ่งในวันนี้ตน และครอบครัวจะนำผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ไปผ่าชันสูตรที่ศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

 

เกียรติยง อัศวราศี ผู้สื่อข่าว จ.สระบุรี